การเมือง

วุฒิสภาไฟเขียว! พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานใหม่ เพิ่มสิทธิ “ลาคลอด-เลี้ยงลูก-ช่วยคู่สมรส” ค่าจ้างยังได้
15 ก.ย. 2568 ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภา ภายใต้การทำหน้าที่ประธานโดยนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง มีมติ “เอกฉันท์” 125 เสียง เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่…) พ.ศ…. ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยมีเพียง 5 เสียงงดออกเสียง ถือเป็นกฎหมายสำคัญที่เพิ่มหลักประกันด้านสิทธิแรงงานไทย สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ คือ การเพิ่มสิทธิการลาคลอดของลูกจ้างหญิงสูงสุด 120 วัน พร้อมสิทธิลาเพิ่มเติมเพื่อเลี้ยงดูบุตรในกรณีที่เด็กมีความเจ็บป่วยรุนแรง ความผิดปกติ หรือภาวะพิการได้อีกไม่เกิน 15 วัน โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ลูกจ้างยังได้รับค่าจ้างในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างปกติ นอกจากนี้ กฎหมายยังเปิดโอกาสให้ลูกจ้างชายสามารถ “ลาเพื่อช่วยเหลือคู่สมรสที่คลอดบุตร” ได้ไม่เกิน 15 วัน โดยยังคงได้รับค่าจ้างเต็มจำนวนตลอดเวลาที่ลา (แต่ไม่เกิน 15 วัน) ขณะที่ลูกจ้างหญิงที่ลาคลอด จะได้รับค่าจ้างเท่ากับอัตราค่าจ้างในวันทำงานเต็มจำนวนตลอดระยะเวลา 60 วันแรก หรือเป็นไปตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ขั้นต่อไป สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะดำเนินการจัดทำเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ภายใน […]
อ่านต่อ
“ทำไม?” นิธิยา ลูกสาว “นิพนธ์ บุญญามณี” ปฏิเสธเก้าอี้ รมช.พาณิชย์ ทั้งที่ถูกทาบทาม — เบื้องหลังมีอะไรซ่อนอยู่?
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า น.ส.นิธิยา บุญญามณี บุตรสาวของ นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ นั้น ล่าสุด น.ส.นิธิยา ได้มีหนังสือชี้แจงว่า ไม่รับตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ โดยระบุว่า เรียน พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนทุกท่าน ตามที่ได้มีข่าวปรากฏว่าดิฉัน น.ส.นิธิยา บุญญามณี ได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ ในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นั้น ดิฉันขอนำเรียนชี้แจง ดังนี้ ประการแรก ขอเรียนว่าดิฉันรู้สึกตื่นเต้นและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการทาบทาม เพราะเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ และมีความน่าภาคภูมิใจที่จะได้มีโอกาสทำงานรับใช้ชาติและประชาชนทำนองเดียวกับคุณพ่อ อย่างไรก็ตาม ด้วยความตระหนักในความรับผิดชอบในงานเดิมในภาคเอกชน ที่ดิฉันยังต้องรับผิดชอบอยู่ยังไม่สามารถหาผู้ที่เหมาะสมมาดูแลแทนได้ ประกอบกับงานที่ภาคเอกชนอยู่ในช่วงการขยายกำลังการผลิตและต้องขยายการตลาดด้วย หากต้องเข้ามาทำหน้าที่ทางการเมือง อาจไม่สามารถทุ่มเทให้เกิดประสิทธิภาพเต็มที่ตามที่รัฐบาลและพี่น้องประชาชนคาดหวัง ประการที่สอง ดิฉันขอกราบขอบพระคุณคณะทำงานของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนทาบทามให้ดิฉันเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวตามที่มีข่าวปรากฏในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นเกียรติอย่างสูงในชีวิต ประการสุดท้าย ดิฉันขออภัยที่ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลและเสียเวลาไปในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาและขอยืนยันว่าแม้ไม่ได้เข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองในครั้งนี้ แต่ยังคงพร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลและมุ่งมั่นทำงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนในบทบาทที่เหมาะสมต่อไป
อ่านต่อ
อนุทิน ย้ำ “คนละครึ่ง” ไม่ตรวจย้อนหลัง ไม่เก็บภาษีเพิ่ม ร้านค้าสบายใจ รัฐเล็งเพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้เข้าร่วม
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค เปิดเผยผลหารือร่วมภาคเอกชน อาทิ สมาคมภัตตาคารไทย LINE Man Grab และ Wongnai เกี่ยวกับโครงการ “คนละครึ่ง” โดยยืนยันชัด ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะไม่ถูกตรวจสอบหรือเก็บภาษีย้อนหลังตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เพื่อลดความกังวลของผู้ประกอบการรายย่อย ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีแล้วสามารถใช้สิทธิได้ทันที ส่วนผู้ที่ยังไม่อยู่ในระบบอาจต้องลงทะเบียนใหม่ ขณะที่ปัญหาที่ภาคเอกชนสะท้อนจากโครงการเดิม เช่น เงื่อนไขซับซ้อน ระยะเวลาและวงเงินจำกัด รวมถึงความกังวลเรื่องภาษี จะถูกนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอาจพิจารณาเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้เสียภาษีที่เข้าร่วมโครงการ โดยรายละเอียดจะชี้แจงภายหลัง ขณะเดียวกันสมาคมและแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ยังเตรียมมอบโปรโมชั่นพิเศษแก่ร้านค้า เช่น ลดค่า GP เพื่อกระตุ้นการใช้สิทธิในช่วงโครงการคนละครึ่งครั้งใหม่นี้. อ่านข่าวอื่น ๆ :
อ่านต่อ
“ดีล” แห่งความเหลื่อมล้ำ? ไขปมคดี “ชั้น 14” ทักษิณ สะท้อนอะไรในสังคมไทย
คดี “ชั้น 14” ของนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้เป็นเพียงคดีทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงประเด็นสำคัญหลายอย่างในสังคมและการเมืองไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกวิเคราะห์โดยนักวิชาการและสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึง : คำสั่งของศาลในคดีนี้จะส่งผลกระทบและสะท้อนผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปตามแนวทางที่ศาลมีคำสั่ง ซึ่งสามารถวิเคราะห์ตามแนวทางที่คุณได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ได้ดังนี้ครับ 1. หากศาลมีคำสั่ง “ยกคำร้องหรือยกฟ้อง” 2. หากศาลมีคำสั่ง “ให้ลงโทษทางวินัย” 3. หากศาลมีคำสั่ง “ให้ดำเนินคดีอาญา” ผลกระทบเหล่านี้เป็นเพียงการคาดการณ์จากบทวิเคราะห์ของนักกฎหมายและนักวิชาการ และผลลัพธ์ที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับคำสั่งของศาลแต่เพียงผู้เดียวครับ. อ่านข่าวอื่น ๆ :
อ่านต่อ
รู้แล้ว 6 คน มีใครบ้างที่นั่งเครื่องบินมากลับ”ทักษิณ ชินวัตร”
รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อมูลจาก Flightradar 24 พบเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว Bombardier Global 7500 ของ นายทักษิณ เดินทางออกจากสิงคโปร์แล้ว ต่อมาเวลา 14.00 น. เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ โดย flightradar24 ระบุปลายทางลงจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ในเวลา 14.47 น. ต่อมา 14.55 น. เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว Bombardier Global 7500 ของ ทักษิณ ลงจอดที่ Mjets ดอนเมืองแล้ว โดยมีลูกเรือ 3 คน ผู้โดยสาร 5 คน รวม 8 คน จากนั้นรถเบนซ์และรถผู้ติดตามได้ขับเข้าไปใน Mjets ดอนเมือง ก่อนรับนายทักษิณออกไปในทันที โดยนายทักษิณ มีสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะขึ้นรถเบนซ์ ทะเบียน พร […]
อ่านต่อ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง “อนุทิน ชาญวีรกูล” นั่งนายกฯ คนที่ 32 ของประเทศไทย
วันที่ 7 กันยายน 2568 พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ด้วยความเป็นรัฐมนตรีของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรค 1 อนุมาตรา 4 ประกอบมาตรา 160 อนุมาตรา 5 และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2568 เห็นชอบด้วยในการแต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร อาศัยอำนาจตามมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ..ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2568 เป็นปีที่ 10 […]
อ่านต่อ
ยังไม่พบความเคลื่อนไหว “ทักษิณ” จับตาเขาจะกลับไทยหรือไม่?
7 กันยนยน 2568 – TopicThailand ตรวจสอบความเคลื่อนไหว การขึ้นบิน ของเครื่อง Bombardier Global 7500 ซึ่งเป็นเครื่องบินส่วนตัวนายทักษิณ ชิณวัตร จากเว็บไซต์ flightradar24 โดยโฟกัสไปที่สนามบิน Abu Dhabi Zayed International Airport ท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบีซายิด สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นสนามบินปลายทางสุดท้าย ที่ทักษิณ บินไปที่นั่น ยังไม่พบข้อมูลการขึ้นบินของเครื่องบินลำดังกล่าว ในเวลา 10.08 น. วันที่ 7 ก.ย.2568 แต่อย่างไรก็ตาม หากทักษิณ จะเดินทางกลับมาไทย เพื่อฟังคำสั่งศาลคดีชั้น 14 ในเวลา 10.00 น.ในวันที่ 9 ก.ย.นี้ ก็ยังพอมีเวลามากพอ หากจะเดินทางช้าที่สุด ช่วงค่ำวันที่ 8 ก.ย.ก็ตาม เราพยายามตรวจสอบว่า ชื่อของเขามีความเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดียใน UAE อย่างไร หรือมีคนกล่าวถึงเขาหรือไม่? โดยค้นหาทั้งจากภาษาอังกฤษ “Thaksin […]
อ่านต่อ
สส. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “อนุทิน-ณัฐพงษ์” พ้นสภาพ สส. ชี้ MOA เข้าข่ายแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
7 กันยายน 2568 – วงการการเมืองไทยกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อ สส. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสภาผู้แทนราษฎรได้ร่วมกันเข้าชื่อยื่นคำร้องต่อ ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน สิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็น สส. การยื่นคำร้องครั้งนี้มีขึ้นจากกรณีที่ทั้งสองพรรคได้ลงนามใน บันทึกข้อตกลง (MOA) ร่วมกัน เพื่อสนับสนุนให้ นายอนุทิน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่พรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งผู้ยื่นคำร้องมองว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญ ข้อกล่าวหาสำคัญจากผู้ยื่นคำร้องมีดังนี้: การยื่นคำร้องครั้งนี้จึงเป็นการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของทั้งสองหัวหน้าพรรคเข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 (1) และ (2) ซึ่งอาจส่งผลให้สมาชิกภาพการเป็น สส. ของทั้งคู่ต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (7) ต้องจับตาดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร และเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศในอนาคตหรือไม่. อ่านข่าวอื่น ๆ :
อ่านต่อ
การเมืองไทยหลัง 28 สิงหา เกมดีลลับ อนุทิน–บุคคลปริศนา และบทบาทใหม่ของพรรคส้ม
วันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา การพบกันระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายธรรมนัส พรหมเผ่า กับนายสถิตย์พงษ์ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองไทยในระยะใกล้ แม้ในเวลานั้นยังอยู่ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า “แพทองธาร ชินวัตร” จะก้าวลงจากตำแหน่งหรือไม่ แต่ในความเป็นจริง ผู้เล่นหลักในดีลนี้ต่างรู้ทิศทางแล้วว่า การเปลี่ยนขั้วกำลังจะเกิดขึ้น แผนการที่ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน การเดินเกมให้นายอนุทินขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องฉับพลัน แต่เป็นการวางแผนล่วงหน้า เป็นหนึ่งในหมากที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ข้อเท็จจริงนี้สะท้อนว่า การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยของนายอนุทิน มิได้เกิดจากความบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากดีลเชิงอำนาจที่เตรียมการมาอย่างรอบคอบ ปัจจัยทักษิณ และความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร กับผู้นำเพื่อนบ้านอย่าง สมเด็จฮุน เซน หลังเหตุโทรศัพท์รั่ว คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทย ทักษิณแม้จะกลับประเทศได้ แต่กลับไม่สามารถปกป้องบุตรสาวจากแรงกดดันทางการเมือง ขณะเดียวกัน นายอนุทินกลับแสดงความมั่นใจเต็มที่ในการก้าวออกจากรัฐบาลไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพราะมีดีลรองรับจาก “บุคคลปริศนา” ที่ต้องการใช้เขาเป็นตัวแทนทางการเมือง (proxy) แทนทักษิณและพรรคเพื่อไทย ธรรมนัส : ตัวแปรที่ไม่ควรมองข้าม ชื่อของนายธรรมนัส พรหมเผ่า ยังคงปรากฏในทุกสมการทางการเมือง แม้จะมีคดีเก่าติดตัว แต่เขายังสามารถเวียนว่ายอยู่ในอำนาจได้เสมอ แหล่งพลังของเขาไม่ได้จำกัดอยู่ที่ความสามารถส่วนตัวเท่านั้น หากยังโยงใยถึง […]
อ่านต่อ
เลื่อนอีก! คดีเขากระโดง การรถไฟฯ เบรกยื่นร้องทุกข์ DSI ไม่มีกำหนด
วันที่ 4 กันยายน สำนักข่าวไทย รายงาน ความคืบหน้าการสืบสวนเรื่องร้องเรียนการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดงจังหวัดบุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งอธิบดีดีเอสไอมีคำสั่งสืบสวน และดีเอสไอได้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานพบกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่รฟท.เกี่ยวข้อง ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ติดต่อจะมอบให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องวันนี้ เวลา 14.00 น. ล่าสุด พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย รฟท.ได้ประสานกลับมายังตน ขอเลื่อนการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ออกไปก่อน อย่างไม่มีกำหนด กรณีนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอตรวจสอบพบ กลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟเข้าไปเกี่ยวข้อง และการรถไฟฯ เป็นผู้เสียหายจึงประสาน รฟท.ไปให้มาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นในการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณพื้นที่เขากระโดง ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ หาก รฟท.ไม่มาแจ้งร้องทุกข์ ก็เข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้งรฟท.อีกครั้งให้มาแจ้งความร้องทุกข์ หากยังไม่มาอีก ก็จะประชุมพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บริหารการรถไฟฯ เรียกสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องฐานเป็นผู้สนับสนุนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป. อ่านข่าวอื่น ๆ […]
อ่านต่อ