นับถอยหลัง! รัฐบาลเฉพาะกิจ 4 เดือน

หลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

รอข้อมูลอัพเดท

รอข้อมูลอัพเดท 6 ก.ย.2568

ก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

5 กันยายน 2568 (วันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32)

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 รัฐสภาได้มีมติเลือก นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 311 เสียง เอาชนะคู่แข่ง นายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย ที่ได้รับ 152 เสียง

การลงมติในครั้งนี้เป็นการลงคะแนนลับโดยมีสมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดแต่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยผลการลงมติในครั้งนี้ทำให้นายอนุทินซึ่งเป็นผู้นำพรรคภูมิใจไทย ได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำประเทศคนใหม่ เนื่องจากได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด

ในขณะที่นายอนุทินกล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความไว้วางใจ ทางพรรคเพื่อไทยก็ได้ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีและยืนยันว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ และประชาชนต่างก็เฝ้ารอการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เพื่อเดินหน้าพัฒนาประเทศต่อไป

6 กันยายน 2568

เกี่ยวกับ MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน พบประเด็นสำคัญและข่าวที่น่าสนใจดังนี้:

1. ประเด็น “นิติสงคราม” ที่เข้มข้นขึ้น

  • ส.ส. พรรคเพื่อไทยได้ยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของนายอนุทิน ชาญวีรกูล (หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย) และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (หัวหน้าพรรคประชาชน) ว่าสิ้นสุดลงหรือไม่
  • สาเหตุที่ยื่นเรื่องนี้อ้างว่า MOA ที่ทั้งสองพรรคทำขึ้น อาจเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(3) และมาตรา 185 (1)(2) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการครอบงำหรือชี้นำพรรคการเมืองเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง เช่น การสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี
  • ประเด็นนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเป็น “นิติสงคราม” ที่พรรคเพื่อไทยใช้จัดการกับคู่แข่งทางการเมืองหลังจากไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้

2. การตอบสนองจากพรรคภูมิใจไทย

  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับ MOA และยืนยันว่าการที่พรรคเพื่อไทยยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้
  • นอกจากนี้ ยังมีข่าวการหารือเรื่องโควตารัฐมนตรีกับพรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่ย้ายมาสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของ MOA ที่ระบุให้มีการยุบสภาภายใน 4 เดือน

3. การวิพากษ์วิจารณ์และมุมมองทางการเมือง

  • นักการเมืองจากพรรคอื่น เช่น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง (ส.ส.พรรคประชาชาติ) ได้อภิปรายในสภาฯ ว่า MOA ดังกล่าวเป็นข้อตกลงทางการเมืองที่ “กร่อนเซาะ” และ “บ่อนทำลาย” ระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีเงื่อนไขให้พรรคภูมิใจไทยต้องจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งผิดหลักการประชาธิปไตย
  • ในขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (หัวหน้าพรรคประชาชน) ได้โต้แย้งประเด็นนี้ และยืนยันว่าการตัดสินใจทำ MOA เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนและพรรคได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
  • มีการวิเคราะห์ว่า การทำ MOA ครั้งนี้อาจส่งผลให้เกิดความปั่นป่วนในสภาฯ และอาจนำไปสู่การปลุกระดมมวลชนได้ในอนาคต

โดยสรุปแล้ว ข่าวสำคัญที่สุดในวันที่ 6 กันยายน 2568 คือการที่พรรคเพื่อไทยได้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตรวจสอบ MOA ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้น “นิติสงคราม” อย่างเป็นทางการ และเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไปว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร และจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่.

7 กันยายน 2568

  1. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทยแล้ว ประกาศดังกล่าวได้เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2568 โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ การแต่งตั้งครั้งนี้เป็นไปตามผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ซึ่งนายอนุทินได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบจากสมาชิกสภามากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ หลังจากนี้ นายอนุทินจะดำเนินการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเพื่อบริหารประเทศต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *