การเมือง

ป.ป.ช. ตั้งทีมไต่สวน “แพทองธาร” ปมคลิปเสียงร้อนคุย”ฮุนเซน”!
เปิดศึกสอบนายกหญิง! ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวน “อุ๊งอิ๊ง” ปมคลิปเสียงสนทนา “ฮุน เซน” พาดพิงประเด็นร้อนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ส่อกระทบความมั่นคงระดับประเทศ วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเกมใหญ่ทางการเมือง มีมติเป็นเอกฉันท์ ตั้งองค์คณะไต่สวน “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี จากกรณี คลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาล่อแหลมเกี่ยวกับความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา โดยการไต่สวนครั้งนี้ดำเนินการภายใต้ มาตรา 51 ของ พ.ร.ป.ป.ป.ช. ปี 2561 ซึ่งให้อำนาจในการสอบสวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงในกรณีที่มีผลกระทบรุนแรงต่อสาธารณะ หรือเกี่ยวข้องกับองค์กรตุลาการ องค์คณะไต่สวนชุดนี้ประกอบด้วย นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และ นายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. โดยก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้ตรวจสอบเบื้องต้น พร้อมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ถอดเทปคำสนทนา และแปลเนื้อหาจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครบถ้วน คดีนี้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด โดยจะมีการเปรียบเทียบแนวทางวินิจฉัยกับคดีก่อนหน้า เช่น กรณีของ […]
อ่านต่อ
เทียบชัด! รถไฟฟ้า 20 บาท เพื่อไทยเน้นเร็ว ก้าวไกลเน้นยั่งยืน
นโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นนโยบายที่ได้รับความสนใจมากในช่วงการเลือกตั้ง 2566 โดยเฉพาะจากสองพรรคใหญ่คือ พรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล ซึ่งทั้งสองพรรคต่างชูนโยบายที่ดูคล้ายกันในชื่อ แต่มีรายละเอียดและแนวทางการดำเนินงานที่ต่างกันอย่างชัดเจน 🔴 พรรคเพื่อไทย: “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ใช้ได้ทันทีที่รัฐบาลเพื่อไทยเข้ามา” ✅ จุดเด่นและรายละเอียด ลักษณะของนโยบาย: เป็น นโยบายบรรเทาค่าครองชีพในระยะเร่งด่วน โดยมุ่งทำให้ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” เป็นจริงในทันที โดยใช้เงินอุดหนุนจากรัฐ รูปแบบการทำ : – ภาครัฐเข้าไป อุดหนุนค่าโดยสารแทนประชาชน – ใช้กฎหมายควบคุมราคา หรือเจรจากับเอกชนที่ถือสัมปทานอยู่ให้ลดราคา – ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างสัมปทานหรือเจ้าของระบบ – ใช้บัตรเดียวโดยสารได้ทุกระบบ เป้าหมาย จุดแข็ง – เห็นผลไว ใช้ได้จริงในระยะเวลาอันใกล้ – ประชาชนได้ประโยชน์ทันที ⚠️ ข้อวิจารณ์ – อาจทำให้รัฐต้องอุดหนุนค่าโดยสารเป็นวงเงินมหาศาลในแต่ละปี – ไม่แก้ปัญหาโครงสร้างต้นทุนจริง เช่น […]
อ่านต่อ
กัมพูชา ยื่นศาลโลก ปมพิพาทชายแดน 4 พื้นที่ เดินตามแนวทางคดีพระวิหาร
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ยื่นหนังสือถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อขอให้พิจารณาข้อพิพาทบริเวณชายแดนกับประเทศไทยในพื้นที่สำคัญ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และบริเวณมุมใบ (สามเหลี่ยมมรกต) การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นในวันครบรอบ 63 ปี ของคำตัดสินศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ซึ่งศาลได้ตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะ นายฮุน มาเนต ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชายึดมั่นในหลักสันติวิธี ไม่ใช้กำลังทางทหาร และไม่ต้องการการเผชิญหน้า โดยเห็นว่าการเจรจาทวิภาคีกับไทยยังไม่สามารถหาข้อยุติได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงหันไปใช้กลไกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งถือเป็นเวทีที่เป็นกลาง โปร่งใส และได้รับการยอมรับในระดับสากล “กัมพูชาต้องการความชัดเจนและความยุติธรรมในการกำหนดเส้นเขตแดน เพื่อไม่ให้ความคลุมเครือกลายเป็นชนวนของความขัดแย้งในอนาคต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าว ทั้งนี้ ผู้นำกัมพูชาได้เรียกร้องให้ประชาชนไว้วางใจในแนวทางของรัฐบาล พร้อมยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนและผลประโยชน์ของประเทศ
อ่านต่อ
แพทยสภาเสียงข้างมาก! ย้ำมติลงโทษ 3 หมอ ปมรักษาทักษิณ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา แถลงผลประชุมใหญ่เมื่อ 12 มิ.ย. ยืนยันมติเดิมด้วยคะแนนเสียงเกิน 2 ใน 3 จาก 68 เสียง ว่ากล่าวตักเตือน 1 ราย และสั่งพักใบอนุญาตเวชกรรมอีก 2 ราย กรณีเกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ การลงมติครั้งนี้เป็นการยับยั้งคำสั่ง “วีโต้” ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ซึ่งดำรงตำแหน่งสภานายกพิเศษ หลังเคยมีความเห็นให้ทบทวนบทลงโทษ ทั้งนี้ มติที่ประชุมแพทยสภายังยึดตามผลประชุมเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า แพทย์ 1 รายกระทำผิดมาตรฐานวิชาชีพ ส่วนอีก 2 ราย ให้ข้อมูล-เอกสารทางการแพทย์คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ซึ่งเข้าข่ายผิดจริยธรรมวิชาชีพแพทย์ ภายหลังการแถลง แพทยสภาจะมีหนังสือแจ้งคำสั่งลงโทษอย่างเป็นทางการแก่แพทย์ทั้ง 3 รายต่อไป
อ่านต่อ
“พระเขมร-ชาวกัมพูชา” แห่ข้ามแดนเที่ยวปราสาทตาเมือนธม ท่ามกลางหวั่นปะทะซ้ำรอยอดีต
วันที่ 5 มิถุนายน 2568 บรรยากาศที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมแนวชายแดนไทย-กัมพูชา คึกคักเป็นพิเศษ เมื่อมีพระสงฆ์และชาวกัมพูชาจำนวนมากเดินทางข้ามแดนเข้ามาท่องเที่ยวและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในเขตโบราณสถาน โดยมีพระสงฆ์นับสิบรูปพร้อมประชาชนทยอยเดินเข้าสู่พื้นที่ปราสาทตลอดทั้งวัน ขณะที่ภาพรวมดูเป็นมิตรและสงบ แต่ในอีกมุมหนึ่งกลับสะท้อนความกังวลใจของชาวบ้านฝั่งไทย ที่จับตาความเคลื่อนไหวจากเพื่อนบ้านอย่างไม่วางใจ โดยเฉพาะเมื่อมีการรวมกลุ่มของพระและพลเรือนจากฝั่งกัมพูชาในจุดยุทธศาสตร์เชิงประวัติศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบด้านความมั่นคงในเชิงสัญลักษณ์ ด้านหน่วยงานความมั่นคงของไทยยังคงตรึงกำลังอย่างเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารประจำพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมรายงานความเคลื่อนไหวทุกระยะ ขณะที่โรงเรียนในพื้นที่ชายแดนเริ่มขยับ ปรับปรุงหลุมหลบภัยและเตรียมแผนฉุกเฉินไว้รองรับ หากสถานการณ์ลุกลามจนเกิดเหตุไม่คาดคิด สำหรับ “ปราสาทตาเมือนธม” ถือเป็นโบราณสถานสำคัญที่ตั้งอยู่ในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา และเคยเป็นจุดปะทะรุนแรงในอดีต จึงกลายเป็นจุดเฝ้าระวังสำคัญในช่วงที่มีความเคลื่อนไหวจากฝั่งเพื่อนบ้านอย่างผิดปกติ โดยหน่วยงานด้านความมั่นคงระบุว่า จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมรับมือทุกความเป็นไปได้
อ่านต่อ
ปฏิวัติการสืบสวนโลก! แฉขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. 1,157 คน ใช้ AI-ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เปิดโปงเครือข่ายเงิน-เส้น-โพยลับ
The Reporters ได้มีการรายงานข่าวช็อกวงการเมืองไทยและสะเทือนถึงวงการข่าวสืบสวนทั่วโลก หลังได้รับข้อมูลเชิงลึกจากดีเอสไอ ซึ่งเปิดเผยการทุจริตครั้งประวัติศาสตร์ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ที่อิมแพค เมืองทองธานี โดยอาศัยเทคโนโลยีระดับโลก ทั้งระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และซูเปอร์คอมพิวเตอร์จากผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ ช่วยวิเคราะห์หลักฐานอย่างแม่นยำและลึกซึ้ง การเปิดหีบบัตรเลือกตั้งจำนวน 20 หีบ พร้อมกับการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดหลายพันชั่วโมง นำไปสู่การพบหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า มีผู้เข้าร่วมขบวนการฮั้วถึง 1,157 คน โดยมีหลักฐานยืนยันจาก เส้นทางการโอนเงิน ที่เชื่อมโยงกันในช่วงเดือนเลือกตั้ง ข้อมูลโทรศัพท์ ที่พบการติดต่อกันมากกว่า 30,000 รายการ ตำแหน่งที่พัก ของกลุ่มฮั้ว ซึ่งใช้โรงแรมเดียวกันโดยบังเอิญเปิดโทรศัพท์ไว้ในคืนก่อนเลือกตั้ง ลักษณะการแต่งกาย ทรงผม พฤติกรรมการเคลื่อนไหว และการนั่งรถหรือถ่ายรูปร่วมกัน ที่ถูกจับโดย AI ที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือ Super AI ได้วิเคราะห์ภาพการนับคะแนนแบบเฟรมต่อเฟรม จนสามารถ “อ่านคะแนน” จากบัตรได้ถึง 2,948 ใบ จาก 2,988 ใบ และพบว่า คะแนนในบัตรตรงกับโพยที่ตกหล่น […]
อ่านต่อ
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ! สั่ง “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” หยุดปฏิบัติหน้าที่ รมว.ยุติธรรม ชั่วคราว ปมแทรกแซง กกต. ผ่าน DSI
วันนี้ (14 พฤษภาคม 2568) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ สั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เฉพาะในบทบาทผู้กำกับดูแล กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ รองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยในคดี การพิจารณาดังกล่าวเป็นผลมาจากคำร้องของ ประธานวุฒิสภา ที่ยื่นให้ศาลวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ผู้ถูกร้องที่ 1) และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง (ผู้ถูกร้องที่ 2) ว่าสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 คำร้องระบุว่า ทั้งสองมีพฤติการณ์ใช้อำนาจหน้าที่ ผลักดันให้การกระทำความผิดอื่นทางอาญาเป็นคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) เพื่อให้อำนาจของ DSI แทรกแซงการทำงานของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) […]
อ่านต่อ
เมื่อการเมืองไทยเข้าสู่ทางแยก? ปม “ฮั้ว ส.ว.” สะเทือนร่างงบฯ ปี 69 – สัญญาณยุบสภา-ส่อแตกหักเพื่อไทย–ภูมิใจไทย
สถานการณ์การเมืองไทยในช่วงกลางปี 2568 เริ่มส่งสัญญาณปั่นป่วนอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะประเด็น “ฮั้ว ส.ว.” ซึ่งเดิมเป็นเพียงเสียงครหา กลับกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่เริ่มเขย่าความสัมพันธ์ภายในรัฐบาลผสม จนนำไปสู่ แรงสั่นสะเทือนต่อร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่กำลังเข้าสู่การพิจารณา ปมร้อน “ฮั้ว ส.ว.” จุดแตกหัก ข้อกล่าวหาการล็อบบี้-ตกลงผลเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระหว่างบางกลุ่มการเมือง กำลังขยายวงและกลายเป็นแรงเสียดทานในรัฐบาลผสม โดยเฉพาะสองพรรคหลักคือ “เพื่อไทย” และ “ภูมิใจไทย” ที่แม้จะเคยจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งปี 2566 แต่ปัจจุบันกำลังเดินคนละทางอย่างชัดเจน ความร้อนแรงของคดีนี้ไม่ได้อยู่แค่ในระดับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่เริ่มมีการขุดคุ้ยเชิงลึก ทั้งเอกสาร หลักฐาน และความเคลื่อนไหวที่อาจบานปลายสู่การเอาผิดทางกฎหมาย ซึ่งย่อมส่งผลต่อความไว้วางใจภายในพรรคร่วมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ งบปี 69 อาจไม่ใช่แค่ร่างงบ แต่อาจเป็น “ศึกชี้ขาด” ขณะที่รัฐบาลกำลังจะเสนอร่างงบประมาณประจำปี 2569 ต่อรัฐสภาในเร็ว ๆ นี้ แต่อุณหภูมิทางการเมืองกลับร้อนระอุ หลายฝ่ายเริ่มจับตาว่า “การโหวตร่างงบฯ ครั้งนี้อาจเป็นจุดชี้ชะตาอายุรัฐบาล” โดยเฉพาะหากพรรคภูมิใจไทยไม่ให้ความร่วมมือ หรือแม้กระทั่งลงมติ “คว่ำงบ” ซึ่งเท่ากับถอนความไว้วางใจรัฐบาลทางอ้อม สัญญาณ “ยุบสภา” เริ่มปรากฏ? เมื่อกลไกภายในเริ่มส่งสัญญาณไม่ราบรื่น […]
อ่านต่อ
“รังสิมันต์ โรม” เปิดแผล ‘ดีลปีศาจชั้น 14’ ซัดทักษิณ-แพทองธาร ร่วมสมคบพังกระบวนการยุติธรรม!
เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2568 รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคประชาชน ออกมาเปิดประเด็นร้อนผ่านแพลตฟอร์ม X วิจารณ์กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้เข้ารับการรักษาตัวในห้อง VVIP โรงพยาบาลตำรวจว่า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการสมคบคิดกันละเมิดกฎหมายอย่างเป็นระบบ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจองจำในเรือนจำแม้เพียงวันเดียว รังสิมันต์ โรม ระบุว่า การที่หลายฝ่ายออกมาโต้แย้งว่า “ไม่จำเป็นต้องป่วยวิกฤตก็สามารถเข้ารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจได้” ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า ตลอดระยะเวลาที่ทักษิณพักอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤตแต่อย่างใด สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่ต่างจากการจัดฉาก โดยมีหน่วยงานราชทัณฑ์และรัฐมนตรียุติธรรมร่วมสร้างภาพว่าทักษิณป่วยหนักใกล้ตาย ขณะที่บุตรสาวอย่าง แพทองธาร ชินวัตร แม้ยังไม่ดำรงตำแหน่งใดในรัฐบาล ก็เลือกเก็บเงียบ เพราะรู้ดีว่าพ่อของเธอกำลังได้รับอภิสิทธิ์เหนือกฎหมาย “ถ้าไม่วิกฤตจริง ทำไมไม่รักษาในโรงพยาบาลของราชทัณฑ์” รังสิมันต์ถาม พร้อมชี้ว่าระบบราชทัณฑ์มีสถานพยาบาลของตัวเองอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องนำผู้ต้องขังไปยังโรงพยาบาลตำรวจ และหากอาการไม่รุนแรง ก็ไม่ควรต้องพักยาวนานนับเดือน ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าเป็น ขบวนการที่มีการวางแผนล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการติดคุกโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงเท่านั้น รังสิมันต์ยังเผยว่า ทักษิณมีความเป็นอยู่ที่ “สะดวกสบายเกินควร” จนสามารถให้แขกไปเยี่ยมได้ และแม้จะอยู่ในสถานะผู้ต้องขัง ยังสามารถใช้ โทรศัพท์มือถือดูโซเชียลมีเดีย ได้อย่างเปิดเผย ข้อเท็จจริงเหล่านี้มีผู้พบเห็นและเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว กรณี […]
อ่านต่อ
“แค่เลือกตั้งเทศบาล จะเปลี่ยนชีวิตเราได้จริงหรือ?” : ไขคำตอบก่อนใช้สิทธิ 11 พ.ค.นี้
ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 นี้ ที่จะมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลทั่วประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของระบอบประชาธิปไตยไทยในระดับฐานราก หรือที่เราเรียกว่า “ประชาธิปไตยท้องถิ่น” แม้จะไม่ใช่การเลือกตั้งระดับชาติ แต่การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ “เทศบาล” คือหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหน้าที่ดูแล “ชีวิตประจำวัน” ของคุณแบบใกล้ชิดที่สุด — ถนน น้ำประปา การศึกษา ขยะ การพัฒนาเมือง สวัสดิการ และอีกมากมายที่บางครั้งเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนดูแลอยู่ เข้าใจโครงสร้างเทศบาล : คนที่คุณเลือก มีหน้าที่อะไร? เทศบาลเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีอำนาจบริหารจัดการพื้นที่ของตนเองตามกฎหมาย โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(ณ วันที่ 28 มี.ค.68) ประเทศไทยมีเทศบาลทั้งหมด 2,472 แห่ง แบ่งเป็น– เทศบาลตำบล 2,247 แห่ง– เทศบาลเมือง 195 แห่ง– เทศบาลนคร 30 แห่ง ในแต่ละเทศบาลจะมีโครงสร้างหลักคือ 1. นายกเทศมนตรี – ผู้บริหารสูงสุดของเทศบาล เปรียบเสมือน “นายกรัฐมนตรีของเมือง” เป็นผู้กำหนดนโยบาย บริหารงบประมาณ […]
อ่านต่อ