สังคมไทยได้ตกอยู่ในกระแสความสนใจครั้งใหญ่จากการปะทะคารมผ่านสื่อสังคมออนไลน์ระหว่าง นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” นักกิจกรรมช่วยเหลือสังคมชื่อดัง และ นางสาวรักชนก ศรีนอก ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ประเด็นที่เริ่มต้นจากการเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์/สแกมเมอร์ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ขยายวงกลายเป็นข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใสของเงินบริจาคในมูลนิธิฯ และการถูกดึงเข้าสู่สนามการเมืองเต็มตัว การปะทะครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องส่วนตัว แต่เป็นภาพสะท้อนของ “การเมืองเชิงซ้อน” (Complex Politics) ที่เชื่อมโยงระหว่างปัญหาประชาชน ภาครัฐ และอำนาจภาคประชาชน

จุดเริ่มต้น: วิกฤตสแกมเมอร์กับการขอความช่วยเหลือที่ผิดฝา
ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ที่ใช้พื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในการก่ออาชญากรรม สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมหาศาล โดยมีข้อมูลสถิติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เคยเปิดเผยว่า ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา มูลค่าความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีพุ่งสูงถึงหลายพันล้านบาท
การปะทะเริ่มต้นเมื่อ นางสาวรักชนก ส.ส.พรรคประชาชน ได้โพสต์ข้อความถึง “กัน จอมพลัง” เชิงตัดพ้อรัฐบาลที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และขอให้ใช้บารมีส่วนตัวช่วยประสานงานกับนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรองนายกฯ (ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า) เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว
การตีความเชิงวิเคราะห์: การที่ ส.ส.ฝ่ายค้านขอให้ประชาชนทั่วไปที่มีชื่อเสียงเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาระดับประเทศที่รัฐบาลควรเป็นผู้รับผิดชอบ สะท้อนถึง:
- ความไม่ไว้วางใจในกลไกรัฐ: เป็นการส่งสัญญาณถึงประชาชนว่าช่องทางปกติทางการเมืองหรือรัฐบาลอาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน
- การใช้ “อินฟลูเอนเซอร์” เป็นเครื่องมือทางการเมือง: การดึงบุคคลนอกระบบการเมืองเข้ามาเป็นคู่เทียบกับฝ่ายรัฐบาล อาจเป็นกลยุทธ์ในการเบี่ยงเบนความสนใจ หรือสร้างภาพลักษณ์ว่าตนเองพยายามทุกวิถีทางเพื่อประชาชน
การโต้กลับและข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใสของ “เงินบริจาค”
“กัน จอมพลัง” ได้ตอบโต้กลับอย่างรุนแรง โดยระบุว่าตนเองยินดีช่วย แต่ขอให้ฝ่ายการเมือง “ทำจริงจังอย่าเอาแต่พูด” และกล่าวหาว่า ส.ส.พรรคประชาชนอาจเพียงต้องการ “เบี่ยงประเด็น”
ประเด็นร้อนขึ้นอีกเมื่อ นางสาวรักชนก และผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบางกลุ่มได้ตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของ “เงินบริจาค” ที่ กัน จอมพลัง รับมาเพื่อใช้ในกิจกรรมช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะภารกิจที่ชายแดน ซึ่ง กัน จอมพลัง เคยกล่าวอ้างว่ามีการใช้เงินไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท ในการสนับสนุนภารกิจชายแดน
หลักฐานทางกฎหมายและข้อเท็จจริงที่ต้องพิสูจน์:
- กฎหมายการบริจาค: โดยหลักการทางกฎหมาย มูลนิธิหรือองค์กรการกุศลที่ได้รับเงินบริจาคจากสาธารณะ (Public Charity) มีหน้าที่ต้องเปิดเผยบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้สาธารณะตรวจสอบได้ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการดำเนินงานขององค์กรพัฒนาเอกชนและองค์การสาธารณประโยชน์ (หากจดทะเบียนเป็นองค์กรเหล่านี้) หรือตามข้อบังคับของมูลนิธิ (หากจดทะเบียนเป็นมูลนิธิ)
- คำตอบของ “กัน จอมพลัง”: กัน จอมพลัง ได้ออกมายืนยันว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ไม่ได้ถูกนำมาใช้ส่วนตัว และไม่มีอำนาจอนุมัติเบิกจ่ายเอง แต่เป็นหน้าที่ของฝ่ายบัญชีและจะมีการเปิดเผย “สเตทเม้นท์” ของธนาคารเพื่อชี้แจงยอดบริจาคทั้งหมด (ที่มา: YouTube/TOPNEWS, 17 ต.ค. 68) การเปิดเผยเอกสารทางการเงินจึงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นในกรณีนี้
ผลกระทบทางสังคมและการเมือง:
- การเมืองภาคประชาชนกับรัฐ: กรณีนี้ตอกย้ำถึงช่องว่างและความคาดหวังของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาล เมื่อภาครัฐไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ภาคประชาชนหรืออินฟลูเอนเซอร์จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อภาคประชาชนมีบทบาทเทียบเท่ารัฐ การตรวจสอบ (Accountability) ก็ต้องเข้มข้นขึ้นตามไปด้วย
- ความเสี่ยงของการ “ปั่นกระแส” และ “วาทกรรม”: มีการโต้ตอบที่กล่าวถึง “การเมืองสกปรก” และการยกเลิกงานมูลค่า 600,000 บาทของ กัน จอมพลัง ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่กระตุ้นอารมณ์และสร้างความแตกแยกในสังคม การใช้ข้อมูลที่ไม่เป็นทางการมาโจมตีกันบนโซเชียลมีเดียอาจบดบังประเด็นปัญหาหลักคือ “สแกมเมอร์”
- การขาดหลักฐานเชิงประจักษ์: จนถึงปัจจุบัน (18 ต.ค. 2568) ทั้งสองฝ่ายยังคงโต้ตอบด้วยวาทกรรมเป็นหลัก ข้อมูลตัวเลข (เช่น ยอดบริจาค, รายจ่ายจริง, หลักฐานความเสียหายที่รัฐบาลทำล่าช้า) ยังคงรอการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ซึ่งทำให้สาธารณะยังไม่สามารถตัดสินข้อเท็จจริงได้อย่างเต็มที่
ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือนักกิจกรรมภาคประชาชน เมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่สาธารณะและมีอิทธิพลต่อความคิดของคนจำนวนมาก ความรับผิดชอบและความโปร่งใสย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ กรณีของ “กัน จอมพลัง” ปะทะ “ไอซ์ รักชนก” เป็นบทเรียนสำคัญว่า ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลเวียนรวดเร็ว การเรียกร้องความโปร่งใสต้องมาพร้อมกับการพิสูจน์ด้วยหลักฐานที่เชื่อถือได้ (เช่น เอกสารทางกฎหมายและสเตทเมนท์ธนาคาร) และทุกฝ่ายควรกลับไปโฟกัสที่การแก้ไขปัญหาหลักของประชาชน คือ การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ที่ยังคงสร้างความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง.

อ่านข่าวอื่น ๆ :
- บริทาเนีย แท็กทีม KBank-ttb-KTB ออกโปรฯ เด็ด: สินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี! โอกาสทองคนอยากมีบ้าน
- ดัชมิลล์ผนึกกรมส่งเสริมสหกรณ์! เปิดแคมเปญ ‘FRESH FROM FARM’ ชู ‘นมโคแท้มีที่มา’ ยกระดับทั้งฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร
- ข้อมูลคุณปลอดภัยแค่ไหน? NTT DATA-Fortanix ผนึกกำลัง! ปล่อย Cryptography-as-a-Service ปิดช่องโหว่ AI และยุค Post-Quantum
- “เปิดศึกโซเชียล: ‘กัน จอมพลัง’ ปะทะ ‘ไอซ์ รักชนก’ (พรรคประชาชน) สะท้อนความโปร่งใสเงินบริจาค-ประเด็นการเมืองสกปรก ในวิกฤตสแกมเมอร์ชายแดนไทย-กัมพูชา”
- เปิดมิติใหม่ SEA Games 2025! ทำไมไทยถึงเลือก กทม.-ชลบุรี-สงขลา เป็น 3 เจ้าภาพหลัก?