ความรู้ทั่วไป

ไขปมในใจผ่านดวงดาว : เมื่อโหราศาสตร์ไม่ใช่แค่การทำนาย แต่คือเครื่องมือสำรวจ “ตัวตน” ที่แท้จริง

รู้จักตัวเองดีแค่ไหน? โหราศาสตร์จิตวิทยา : กุญแจไขประตูสู่ตัวตนที่แท้จริง คุณเคยสงสัยไหมว่า “ตัวตน” ที่แท้จริงของเราคืออะไร? นอกเหนือจากชื่อ อาชีพ หรือสถานะทางสังคมที่เราเป็นอยู่ มีอะไรซ่อนอยู่ลึก ๆ ข้างในอีกบ้าง? นี ชาลิสา ที่ปรึกษาด้านโหราศาสตร์จิตวิทยาเชิงลึกและพลังงานบำบัด จะพาเราไปสำรวจคำตอบนี้ ด้วยการนำศาสตร์แห่งดวงดาวมาประยุกต์ใช้กับหลักจิตวิทยา เพื่อช่วยให้แต่ละคนเข้าใจธรรมชาติของตัวเองอย่างลึกซึ้ง เมื่อโหราศาสตร์ไม่ใช่แค่การ “ดูดวง” แต่คือการ “อ่านตัวเอง” หลายคนอาจมองว่าโหราศาสตร์คือการทำนายอนาคตหรือเรื่องลี้ลับ แต่สำหรับนีแล้ว โหราศาสตร์คือการศึกษาการโคจรของดวงดาว ซึ่งเป็นพลังงานที่สะท้อนถึงธรรมชาติของตัวเราเอง “วินาทีที่เราเกิด ดวงดาวข้างบนวางตำแหน่งแบบไหน ตำแหน่งนั้นมีผลอย่างไรกับเรา มีผลกับนิสัยใจคอ มีผลกับอนาคต…เรามองว่าถ้าเกิดสมมุติมนุษย์จิตของเราเป็นพลังงานในตัวของเรา…ถ้าเกิดเราเข้าใจดาว เราจะมองเห็นว่าจริง ๆ แล้วที่มาของอารมณ์โมโหมันมาจากที่ไหน” เธออธิบายว่า แต่ละคนมี “พลังงาน” เฉพาะตัวที่เกิดจากตำแหน่งดวงดาวในวันและเวลาที่เราเกิด ซึ่งพลังงานเหล่านี้บ่งบอกถึงบุคลิกภาพ นิสัยใจคอ ศักยภาพ และแม้แต่ข้อดี-ข้อเสียที่ซ่อนอยู่ภายใน ใครบ้างที่ควรมาสำรวจตัวเองผ่านดวงดาว? นี ชาลิสา บอกว่าทุกคนสามารถใช้โหราศาสตร์เป็นเครื่องมือสำรวจตัวเองได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากมี “จุดเปลี่ยน” บางอย่างในชีวิต เช่น มีคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมชีวิตเราถึงเป็นแบบนี้” หรือ “ทำไมรู้สึกไม่มีความสุข” […]

อ่านต่อ

Facebook 2026 : โอกาสสร้างรายได้ใหม่ในยุคที่ “คุณภาพ” สำคัญกว่า “ยอดวิว”

การวิเคราะห์ทิศทางการสร้างรายได้ของ Facebook (Meta) ในปี 2026 นั้น ต้องพิจารณาจากแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงที่ Meta กำลังผลักดันอย่างจริงจัง ซึ่งมีผลกระทบต่อทั้งผู้สร้างเนื้อหาเก่าและใหม่ ทิศทางหลักในอนาคต (ปี 2026) 1. การรวมโปรแกรมสร้างรายได้เข้าด้วยกัน (Unified Content Monetization Program): นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบในปี 2026 โดย Meta จะยกเลิกโปรแกรมสร้างรายได้แบบแยกส่วน เช่น โฆษณาในสตรีม (In-stream Ads), โฆษณาใน Reels, และ Performance Bonus และรวมทั้งหมดเข้าไว้ในโปรแกรมเดียว ทำให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้จากเนื้อหาได้หลากหลายประเภทมากขึ้น ทั้งวิดีโอ, Reels, รูปภาพ, หรือแม้แต่โพสต์ข้อความ โดยการจ่ายเงินจะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพโดยรวมของเนื้อหาเหล่านั้น ผลกระทบ : 2. การให้ค่าตอบแทนตามประสิทธิภาพ (Performance-based Payouts): โมเดลการจ่ายเงินจะเน้นที่คุณภาพและการมีส่วนร่วม (Engagement) ของเนื้อหาเป็นหลัก ไม่ใช่แค่จำนวนยอดวิวหรือผู้ติดตาม ยิ่งเนื้อหามีคนดูซ้ำ มีการแชร์ มีคอมเมนต์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น […]

อ่านต่อ

เทรนด์หารายได้ออนไลน์ 2026: AI มาแรง, ไลฟ์สดบูม, ทำไงให้ปัง?

ยุคนี้ใคร ๆ ก็หาเงินออนไลน์กันได้ แต่เทรนด์ปี 2026 จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะเทคโนโลยี AI และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้การสร้างรายได้ต้องปรับตัวตาม มาดูกันว่าในปีหน้าจะมีอะไรที่น่าจับตามองบ้าง! 1. AI จะเป็นมากกว่าผู้ช่วย แต่เป็น “ผู้ร่วมงาน” ลืมภาพ AI ที่แค่ช่วยเขียนงานไปได้เลย เพราะปี 2026 AI Agent จะมาเป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่จัดการงานซ้ำ ๆ ให้เราแบบอัตโนมัติ ตั้งแต่การตอบแชทลูกค้า, เขียนสคริปต์วิดีโอ, ไปจนถึงวิเคราะห์ข้อมูลการขาย ทำให้เรามีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ ได้เต็มที่ นอกจากนี้ การสร้างคอนเทนต์ด้วย AI ก็จะเติบโตแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างวิดีโอ YouTube หรือ TikTok โดยใช้ AI ช่วยสร้างภาพและเขียนเนื้อหา ซึ่งทำให้คนที่มีไอเดียแต่ไม่มีทักษะด้านการผลิตก็สามารถทำเงินจากตรงนี้ได้ง่ายขึ้นมาก 2. “วิดีโอ” คือหัวใจของการตลาด การตลาดแบบวิดีโอจะมาเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะ Live Commerce หรือการไลฟ์สดขายของ ที่จะกลายเป็นช่องทางหลักในการสร้างรายได้ โดยคาดว่าสัดส่วนยอดขายจากไลฟ์สดจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ […]

อ่านต่อ

ทำไม? ต้องมีหูฟังไร้สาย

การมีหูฟังไร้สาย ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน แต่กลายเป็นที่นิยมเพราะให้ประโยชน์ในบางด้านที่หูฟังมีสายทำไม่ได้ : ข้อดีหลัก ข้อเสีย/สิ่งที่ต้องพิจารณา การเลือกหูฟังไร้สายราคาถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับ ความต้องการใช้งานจริง ไม่ใช่แค่ราคาอย่างเดียว มาดูปัจจัยที่เกี่ยวข้อง : ทำไมบางคนเลือกหูฟังไร้สายราคาถูก ความแตกต่างกับหูฟังราคาแพง คุณสมบัติ หูฟังราคาถูก (~300–800฿) หูฟังราคากลาง–แพง (2,000฿+) เสียง คุณภาพพอใช้, เบสบางครั้งไม่แม่น ชัดกว่า, เบสแน่น, แยกเสียงดีกว่า ไมโครโฟน ใช้ได้ในที่เงียบ ดีกว่า, ตัดเสียงรบกวน, โทรชัด การเชื่อมต่อ อาจหลุด, latency สูง เสถียรกว่า, aptX/LDAC รองรับ แบตเตอรี่ 3–4 ชม. ต่อครั้ง 6–10 ชม. ต่อครั้ง + เคสใหญ่กว่า ความทนทาน พลาสติกทั่วไป, กันน้ำต่ำ วัสดุดี, มีมาตรฐาน IPX, ใช้นานกว่า การซ่อม/ประกัน มักไม่มีประกันจริงจัง มีศูนย์บริการ, […]

อ่านต่อ

“แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” คืออะไรกันแน่? ชื่อโบราณแต่แฝงพลังเปลี่ยนอนาคตกองทัพไทย

ในยุคที่ภัยคุกคามทางความมั่นคงแปรเปลี่ยนรวดเร็วไม่แพ้เทคโนโลยี หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า กองทัพบกไทยกำลังเดินหน้าอย่างเงียบๆ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชื่อเก่า…แต่เป้าหมายล้ำอนาคต นั่นคือ “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” แผนนี้คืออะไร? แผนจักรพงษ์ภูวนาถ คือกรอบยุทธศาสตร์หลักของกองทัพบกไทยในระยะยาว วางเป้าหมายไว้ชัดเจน พัฒนากองทัพให้ทันสมัย พร้อมรบ รับมือภัยคุกคามทุกมิติ และต้อง สอดคล้องกับภูมิทัศน์โลกยุคใหม่ ที่เต็มไปด้วยภัยไซเบอร์ สงครามไฮบริด และสถานการณ์ไม่ปกติที่เกิดได้ตลอดเวลา ทำไมถึงใช้ชื่อ “จักรพงษ์ภูวนาถ”? หลายคนสงสัยว่าทำไมกองทัพไม่ตั้งชื่อแผนให้ดูโมเดิร์น เช่น “แผนพัฒนากองทัพ 2570” แต่กลับเลือกใช้ชื่อที่ดูย้อนยุคอย่าง “จักรพงษ์ภูวนาถ” เหตุผลคือ เพื่อเชิดชูพลเอกเจ้าพระยาจักรพงษ์ภูวนาถ (กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ) บุคคลสำคัญที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งกองทัพบกไทยยุคใหม่” โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ท่านคือผู้วางรากฐานระบบกองทัพที่ทันสมัยตามแบบตะวันตกและกลายเป็นต้นแบบของการปฏิรูปครั้งใหญ่อีกครั้งในปัจจุบัน ชื่อนี้จึงไม่ใช่แค่เพื่อความขลัง แต่คือการประกาศว่า “ยุทธศาสตร์ใหม่นี้ ยึดรากเดิม เติมเทคโนโลยี ลุยอนาคต” แผนนี้ทำอะไร? แผนจักรพงษ์ภูวนาถมักวางเป็นแผนระยะ 5 หรือ 10 ปี โดยครอบคลุมด้านหลัก ๆ เช่น ตัวอย่างยุทโธปกรณ์ภายใต้แผนนี้ เช่น แล้วทำไมไม่ใช้ชื่อแผนอื่น? การใช้ชื่อ “จักรพงษ์ภูวนาถ” สะท้อนเจตนารมณ์ […]

อ่านต่อ

ทำไมคำว่า “เขมร” ถึงไม่เป็นที่ยอมรับในกัมพูชา?

นักวิชาการชี้บริบททางประวัติศาสตร์และการใช้คำในไทยอาจมีนัยยะเชิงลบ แม้คำว่า “เขมร” จะถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในสังคมไทย เพื่ออ้างถึงประเทศกัมพูชา ชาวกัมพูชา หรือวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ Khmer แต่ในมุมมองของชาวกัมพูชาหลายคน คำนี้กลับสร้างความรู้สึกไม่สบายใจ และในบางกรณีอาจถูกมองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ หรือแม้แต่มีลักษณะดูแคลนโดยไม่รู้ตัว ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ชี้ว่า ความไม่พึงพอใจของชาวกัมพูชาอาจไม่ได้อยู่ที่ตัวคำเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับบริบททางประวัติศาสตร์ ภาพจำในสื่อไทย และวิธีการใช้งานในสังคมไทยที่สะสมมาอย่างต่อเนื่อง บริบททางภาษาและความต่างในการรับรู้ ในขณะที่คนไทยเรียกเพื่อนบ้านทางตะวันออกว่า “เขมร” มาตั้งแต่ในอดีต ชาวกัมพูชาเรียกตนเองว่า “Khmer” (อ่านว่า เขมา) ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายในเชิงบวก เป็นตัวแทนอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ ภาษา และวัฒนธรรม โดยไม่รู้สึกว่ามีความหมายด้านลบ อย่างไรก็ตาม ในภาษาไทย คำว่า “เขมร” ถูกใช้ในหลากหลายบริบท ทั้งเชิงทางการและไม่เป็นทางการ เช่น การเปรียบเปรยในภาษาพูดว่า “พูดเป็นภาษาเขมร” เพื่อสื่อว่าฟังไม่รู้เรื่อง หรือ “หน้าเหมือนเขมร” ในเชิงล้อเลียนรูปลักษณ์ ซึ่งส่งผลให้คำนี้ถูกตีความว่าเป็นการลดทอนคุณค่าของอีกฝ่าย ปัจจัยด้านประวัติศาสตร์และอคติในวาทกรรมไทย นักวิชาการด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระบุว่า ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ในประวัติศาสตร์ มีทั้งช่วงเวลาของความใกล้ชิดและความขัดแย้ง โดยเฉพาะกรณีพิพาทด้านดินแดน เช่น ข้อพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหาร รวมถึงการตีความประวัติศาสตร์ต่างมุมระหว่างสองประเทศ บริบทเหล่านี้สะท้อนอยู่ในสื่อและวาทกรรมของสังคมไทย […]

อ่านต่อ

Y Content คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไร? ทำไม? ไทยต้องพัฒนา

Y Content คือแนวคิดเกี่ยวกับ “เนื้อหาสำหรับคนรุ่น Y” ซึ่งหมายถึงเนื้อหาที่สร้างขึ้นเพื่อ ตอบสนองความสนใจ พฤติกรรม และรูปแบบการบริโภคสื่อของคนรุ่น Y (Generation Y) หรือกลุ่มคนที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2523 – 2540 (ค.ศ. 1980 – 1996) ซึ่งปัจจุบันมีบทบาทสำคัญในสังคม ทั้งในฐานะ แรงงานหลัก ผู้บริโภคหลัก และผู้ขับเคลื่อนวัฒนธรรมดิจิทัล ของประเทศ ความหมายของ Y Content คือ เนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่ออกแบบเพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่น Y โดยเฉพาะ ทั้งในเชิง สื่อสาร การตลาด การศึกษา หรือสื่อสาธารณะ โดยมุ่งเน้นให้เข้ากับลักษณะเฉพาะของคนรุ่นนี้ เช่น : ต้องการ “ความจริงใจ” และ “ความโปร่งใส” ให้ความสำคัญกับ คุณค่าและจุดยืนทางสังคม บริโภคเนื้อหาผ่าน ดิจิทัล แพลตฟอร์ม เช่น Facebook, YouTube, Instagram, […]

อ่านต่อ

ประวัติความเป็นมาของการจัดตั้งนิคมสร้างตนเอง

งานนิคมสร้างตนเอง เป็นงานจัดสวัสดิการสังคมรูปแบบหนึ่ง ซึ่งได้ดำเนินการมาพร้อมกับการก่อตั้งกรมประชาสงเคราะห์ เมื่อปี พ.ศ. 2483(กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในปัจจุบัน) โดย “จอมพล ป.พิบูลสงคราม” นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้มีแนวคิดที่จะนำที่ดินรกร้างว่างเปล่ามาใช้ประโยชน์ “เพื่อช่วยเหลือคนยากจน” ให้มีที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินในลักษณะชุมชนที่เป็นระเบียบ พัฒนาให้มีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แล้วให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนั้น ชุมชนที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า “นิคมสร้างตนเอง” และราษฎรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินเรียกว่า “สมาชิกนิคม” นิคมสร้างตนเองแห่งแรกที่ได้รับจัดตั้งขึ้นคือ “นิคมสร้างตนเองจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรี” “จอมพล ป.พิบูลสงคราม” ในปี พ.ศ. 2485 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพขึ้น เพื่อให้กรมประชาสงเคราะห์ ได้จัดตั้งนิคมสร้างตนเอง ต่อมาได้มีการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2504 และครั้งสุดท้ายได้มีการยกเลิกพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2485 และ พ.ศ. 2504 โดยใช้พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 มาจนถึงปัจจุบัน การจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในระยะแรก มีจุดมุ่งหมายหลัก เพื่อช่วยเหลือราษฎรยากจนที่ขาดแคลนที่ดินทำกิน และเพื่อแก้ไขปัญหาการอพยพเข้ามาหางานทำในเมืองจนเกิดปัญหาสังคมเมือง แต่หลังจากได้มีการรปรับเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจซึ่งปรากฎรูปแบบชัดเจน เมื่อมีการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับ ที่ 1 (พ.ศ.2504 – 2509) เป็นต้นมา การจัดนิคมสร้างตนเองได้ถูกนำมาใช้เป็นกลไกหรือเครื่องมือของรัฐในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ […]

อ่านต่อ

รู้หรือไม่? ทำไมคนไทยต้องพูดว่า “สวัสดี” คำทักทายธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

หลายคนอาจเคยสงสัยว่า เหตุใดคนไทยจึงใช้คำว่า “สวัสดี” ในการทักทายกันในชีวิตประจำวัน ทั้งที่ในอดีต การทักทายกันในหมู่คนไทยมักใช้คำธรรมดาอย่าง “ไปไหนมา”, “กินข้าวหรือยัง” หรือ “อยู่ดีไหม” แล้วคำว่า “สวัสดี” มาจากไหน และเหตุใดจึงกลายเป็นคำทักทายหลักของชาติไทย? คำว่า “สวัสดี” มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤตคำว่า “สวสฺติ” (svasti) ซึ่งหมายถึง ความดี ความสุข ความเจริญ หรือความปลอดภัย การใช้คำนี้จึงเปรียบเสมือนการอวยพรให้ผู้ฟังประสบสิ่งดี ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นบทสนทนา โดยคำว่า “สวัสดี” ถูกบัญญัติขึ้นอย่างเป็นทางการในสมัยรัชกาลที่ 6 โดย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งต้องการให้มีคำทักทายแบบสุภาพ เป็นทางการ และเหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย เช่นเดียวกับคำว่า “Hello” ในภาษาอังกฤษ หรือ “Bonjour” ในภาษาฝรั่งเศส ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 ได้มีการ ส่งเสริมให้ประชาชนใช้คำว่า “สวัสดี” อย่างกว้างขวาง ผ่านการสื่อสารจากภาครัฐและการศึกษา จนกลายเป็นคำที่ใช้กันทั่วไปทั้งในชีวิตประจำวันและในพิธีการทางการ นอกจากนั้น การใช้คำว่า “สวัสดี” ยังมักมาคู่กับการไหว้ […]

อ่านต่อ

“สงกรานต์ทำไมต้องมีแป้ง? เฉลยความลับ ‘ดินสอพอง’ ที่ไม่ได้มีดีแค่ขาวเย็น!”

เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ ภาพคุ้นตาที่เรามักเห็นเสมอคือผู้คนเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน พร้อมกับ “แป้งขาวๆ” ที่ป้ายหน้ากันอย่างเป็นมิตร นั่นคือ แป้งดินสอพอง ซึ่งหลายคนอาจเคยสงสัยว่า ทำไมต้องมีแป้งนี้ในการเล่นสงกรานต์? และ แป้งนี้คืออะไร มีที่มาอย่างไร? ดินสอพองคืออะไร? ดินสอพอง คือดินธรรมชาติชนิดหนึ่ง ที่ผ่านการแปรรูปโดยการเผาและล้างจนสะอาด ก่อนจะบดและปั้นเป็นก้อนหรือเม็ดเล็กๆ ละลายน้ำแล้วกลายเป็นแป้งสีขาวที่เราคุ้นเคย ดินนี้มีคุณสมบัติเย็น ผสมกับน้ำแล้วให้สัมผัสที่เย็นสบาย นิยมนำมาใช้ในพิธีกรรม พุทธศาสนา และงานประเพณีต่างๆ มาแต่โบราณ ทำไมแป้งดินสอพองถึงใช้ในสงกรานต์? ในอดีต การปะแป้งดินสอพองในเทศกาลสงกรานต์ เป็นการแสดงถึงความเคารพและความปรารถนาดี โดยเฉพาะในการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ จะใช้แป้งขาวผสมน้ำหอมลูบเบาๆ ที่ไหล่หรือหลัง เป็นการอวยพรและขอขมา แสดงถึงความบริสุทธิ์ สะอาด และเย็นใจ เมื่อเวลาผ่านไป การเล่นแป้งกลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของการเล่นสงกรานต์ที่ให้ความสนุกสนาน ปลอดภัย และยังคงกลิ่นอายของประเพณีดั้งเดิมไว้ได้อย่างงดงาม ดินสอพองทำมาจากอะไร? ดินสอพองทำจาก ดินขาวธรรมชาติ ที่มีชื่อว่า ดินมาร์ล (Marl) หรือ ดินดานสีขาว ซึ่งมีแร่แคลเซียมคาร์บอเนตสูง โดยผ่านกระบวนการเผาเพื่อฆ่าเชื้อ ล้างให้สะอาด จากนั้นบดและปั้นขึ้นรูป ก่อนจะนำไปตากแห้ง ชื่อ “ดินสอพอง” มีที่มาและความหมายที่สะท้อนถึงลักษณะและกระบวนการผลิตของวัสดุนี้อย่างชัดเจน […]

อ่านต่อ