หัวข้อประเทศไทย

“ฮุน เซน” ผู้นำที่โลกไม่ควรไว้ใจ – เผด็จการผู้รอดจากเขมรแดง สู่อำนาจ 40 ปีที่ยังไม่มีใครกล้าท้าชน

บทความโดย : สมปรารถนา หุงขุนทด บรรณาธิการข่าวทั่วไป จากเลือดเขมรแดง ถึงบัลลังก์ ฮุน เซน – เมื่อเผด็จการไม่เคยล้มหาย หากแค่เปลี่ยนมือ” บทความเชิงลึกที่ไม่อ้อมค้อม ว่าด้วยโศกนาฏกรรมในนามของอำนาจ และเงื่อนไขที่ทำให้ชายคนหนึ่งครองประเทศได้นานถึง 40 ปี พ.ศ. 2518 กัมพูชาเงียบงันด้วยเสียงของชัยชนะ เมื่อกองกำลัง เขมรแดง (Khmer Rouge) ภายใต้การนำของ พล พต (Pol Pot) ผู้นำกลุ่มเขมรแดง เข้ายึดกรุงพนมเปญได้สำเร็จ ทว่าเสียงแห่งชัยชนะนั้นแปรเปลี่ยนเป็นเสียงคร่ำครวญของประชาชนในเวลาไม่กี่เดือน ระบอบสุดโต่งที่ต้องการล้างสมองผู้คน ล้มล้างระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และทำลายชนชั้นปัญญาชนเริ่มลงมืออย่างไร้ปรานี เขมรแดงประกาศว่า “การศึกษาไม่จำเป็น” “ผู้รู้คือภัยของอุดมคติ” ส่งผลให้หมอ ครู นักวิชาการ แม้แต่ผู้ใส่แว่นหรือพูดต่างสำเนียง ถูกสังหารโดยไม่ต้องมีศาลตัดสิน ตลอด 4 ปีแห่งอำนาจเขมรแดง (1975–1979) มีชาวกัมพูชาราว 1.7 ถึง 2 ล้านคน หรือประมาณหนึ่งในสี่ของประชากรถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของรัฐ – ความตายอันเงียบงันที่สุดในศตวรรษที่ […]

อ่านต่อ

ทำไม? ปี 2568 ไทย – กัมพูชา ถึงรบกันเดือดกว่า ปี 2554

เจาะลึกเบื้องหลังสงคราม! หรือเรากำลังตกหลุมกลยุทธ์ใครบางคนโดยไม่รู้ตัว? สาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง “ไทย–กัมพูชา” ในปี 2568 รุนแรง และขยายวงกว้างยิ่งกว่าการปะทะเมื่อปี 2554 นั้น อาจอธิบายได้จากปัจจัยหลายประการ ที่เชื่อมโยงทั้งด้านการเมืองระหว่างประเทศ , ความเปลี่ยนแปลงภายในสองประเทศ , และบริบทโลกในปัจจุบัน โดยสามารถวิเคราะห์ได้อย่างเป็นกลาง ดังนี้ 1.ภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยน ความมั่นใจทางทหารของกัมพูชาเพิ่มขึ้น ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา กัมพูชามีการเสริมกำลังทางทหารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการได้รับอาวุธหนัก และเทคโนโลยีจากจีน เช่น จรวด PHL-03, KS-1C และระบบป้องกันภัยทางอากาศ นั่นอาจทำให้กัมพูชา “กล้าท้าทาย” ประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ภายใต้ความมั่นใจว่าจะได้รับการหนุนหลัง หรือมีอำนาจต่อรองในเวทีโลกมากกว่าในอดีต สมัยปี 2554 การปะทะยังคงจำกัดอยู่ในระดับท้องถิ่น-ยุทธวิธี แต่ปี 2568 เราเริ่มเห็นการโจมตีเป้าหมายพลเรือน และการใช้อาวุธพิสัยไกลในเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นสัญญาณของการ “ยกระดับ” แนวคิดความขัดแย้ง 2.ช่องว่างทางการเมืองไทย – การทูตไม่แข็งแรง ในหลายช่วงของวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ฝ่ายการเมืองของไทยดูเหมือนจะส่งสัญญาณไม่ชัดเจนหรือไร้เอกภาพ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ลงพื้นที่ศูนย์พักพิงโดยไม่มีตำแหน่งทางการ […]

อ่านต่อ

จะเกิดอะไรขึ้น? หาก ไม่มีแรงงาน “กัมพูชา” ในประเทศไทยเลย

หาก ไม่มีแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยเลย จะส่งผลกระทบอย่างมากในหลายมิติ โดยเฉพาะด้าน เศรษฐกิจ, สังคม, และ ธุรกิจ ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์แยกตามด้านต่าง ๆ : 1.ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 2.ผลกระทบต่อภาคธุรกิจไทย 3.ผลกระทบทางสังคม สรุปภาพรวม : ด้านผลกระทบสำคัญ  อ่านข่าวอื่น ๆ :

อ่านต่อ

เปิด 4 ธุรกิจคนไทยที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา ณ ปี 2025 ในสถานการณ์สู้รบ

จากสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนระหว่างประเทศไทย และกัมพูชา เราลองมาดูว่า ปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับธุระกิจไทย ในกัมพูชาบ้าง พบว่า ธุรกิจไทยที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา ณ ปี 2025 มีทั้งบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างกว้างขวาง และมีผลประกอบการเด่น ดังนี้ : 1. PTT Oil and Retail Business (OR) OR มีสถานีบริการน้ำมัน PTT และร้าน Café Amazon , ร้านค้าสะดวกซื้อ Jiffy หรือ 7‑Eleven Mart ในกัมพูชาเป็นจำนวนมาก ปัจจุบัน OR ดำเนินธุรกิจในกัมพูชา โดยมีสถานี PTT จำนวน 186 สาขา , ร้าน Café Amazon 254 สาขา และร้านคอนวีเนียนอื่นอีก 71 แห่ง (อ้างอิงจาก Bangkok Post) บริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มอีก 8,000 ล้านบาท […]

อ่านต่อ

ไทย – กัมพูชา บนสมรภูมิ “สงครามข่าวสาร” กับแรงปะทะของชาตินิยมร่วมสมัย

แม้ในระดับการทูตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ยังไม่มีสัญญาณของการปะทะทางทหารโดยตรง หรือการเผชิญหน้าที่แน่นอนบริเวณชายแดน แต่ในเชิงสังคมและวัฒนธรรม สงครามอีกรูปแบบหนึ่งได้ปะทุขึ้นแล้ว นั่นคือ “สงครามข่าวสาร (Information Warfare)” ซึ่งกำลังขยายตัวในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว และผลักดันให้เกิด กระแสชาตินิยม ในหมู่ประชาชนของทั้งสองประเทศอย่างชัดเจน วิเคราะห์ : “สงครามข่าวสาร” (Information Warfare) หมายถึง การใช้ข้อมูล ข่าวเท็จ หรือการบิดเบือนข้อมูล เพื่อสร้างความเข้าใจผิดหรือปลุกเร้าอารมณ์ในสังคมเป้าหมาย โดยมีเป้าหมายในการกดดันหรือบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้าม ตัวอย่างกรณี : ประเด็นวิเคราะห์ : ชาตินิยม (Nationalism) ที่กำลังลุกลาม อธิบายผ่านทฤษฎี : ตามแนวคิดของ Benedict Anderson เรื่อง “ชุมชนจินตกรรม” (Imagined Communities)  – ชาติคือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นผ่านการเล่าเรื่องซ้ำ ๆ เช่น ประวัติศาสตร์ ภาษา และวัฒนธรรม การขับเน้น “เรา” กับ “พวกเขา” (Us vs. Them) ทำให้ชาตินิยมเกิดขึ้นง่าย […]

อ่านต่อ

กัมพูชาและไทย กำลังเผชิญทางเลือก : ปล่อยให้ขัดแย้งบานปลาย หรือก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับภูมิภาค

โดย : อาร์โน ดาร์ค (นักธุรกิจชาวฝรั่งเศสในกัมพูชา และนักวิเคราะห์ภูมิภาค ประจำอยู่ที่กรุงพนมเปญ) วิกฤตชายแดนกัมพูชา–ไทย มิใช่เพียงข้อพิพาทด้านภูมิศาสตร์ หากแต่เป็นช่วงเวลาแห่งการกำหนดอนาคตของความเป็นผู้นำอาเซียนในศตวรรษที่ 21 เมื่อความตึงเครียดบริเวณปราสาทตาเมือนธม ทวีความรุนแรงขึ้น และสะท้อนเหตุการณ์ปะทะ ณ เขาพระวิหารเมื่อปี 2551 ทั้งสองประเทศกำลังยืนอยู่บนทางแยกที่จะกำหนดอนาคตของตนเอง รวมถึงความน่าเชื่อถือของอาเซียนในฐานะกลไกการคลี่คลายความขัดแยง บทเรียนจากประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่า : ชาติที่เติบโตแล้ว เลือกใช้ “การเจรจา” แทน “การเผชิญหน้า” เมื่อคู่แข่งกลายเป็นพันธมิตร : บทเรียนจากนานาชาติในการแก้ไขความขัดแย้ง บทเรียนสำคัญ : ประเทศที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้ถูกจดจำจาก “จำนวนดินแดนที่ถือครอง” แต่จาก “จำนวนความขัดแย้งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้” เรื่องราวความสำเร็จของอาเซียน : หลักฐานเชิงประจักษ์ สรุป : ประเทศอาเซียนสามารถแก้ไขข้อพิพาทอธิปไตยอย่างสันติ ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่สูญเสียศักดิ์ศรีแห่งชาติ – หากผู้นำสามารถก้าวข้ามประชานิยมไปได้ ราคาที่ต้องจ่ายจาก “ความภูมิใจ”: สิ่งที่ตกอยู่ในความเสี่ยง แม้กัมพูชาจะเสียหายในเชิงตัวเลขมากกว่า แต่ทั้งสองประเทศกำลังสูญเสียสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่า – ความน่าเชื่อถือ ความมั่นคง และบทบาทผู้นำในอาเซียน […]

อ่านต่อ

ทำไมคำว่า “เขมร” ถึงไม่เป็นที่ยอมรับในกัมพูชา?

นักวิชาการชี้บริบททางประวัติศาสตร์และการใช้คำในไทยอาจมีนัยยะเชิงลบ แม้คำว่า “เขมร” จะถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในสังคมไทย เพื่ออ้างถึงประเทศกัมพูชา ชาวกัมพูชา หรือวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ Khmer แต่ในมุมมองของชาวกัมพูชาหลายคน คำนี้กลับสร้างความรู้สึกไม่สบายใจ และในบางกรณีอาจถูกมองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ หรือแม้แต่มีลักษณะดูแคลนโดยไม่รู้ตัว ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ชี้ว่า ความไม่พึงพอใจของชาวกัมพูชาอาจไม่ได้อยู่ที่ตัวคำเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับบริบททางประวัติศาสตร์ ภาพจำในสื่อไทย และวิธีการใช้งานในสังคมไทยที่สะสมมาอย่างต่อเนื่อง บริบททางภาษาและความต่างในการรับรู้ ในขณะที่คนไทยเรียกเพื่อนบ้านทางตะวันออกว่า “เขมร” มาตั้งแต่ในอดีต ชาวกัมพูชาเรียกตนเองว่า “Khmer” (อ่านว่า เขมา) ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายในเชิงบวก เป็นตัวแทนอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ ภาษา และวัฒนธรรม โดยไม่รู้สึกว่ามีความหมายด้านลบ อย่างไรก็ตาม ในภาษาไทย คำว่า “เขมร” ถูกใช้ในหลากหลายบริบท ทั้งเชิงทางการและไม่เป็นทางการ เช่น การเปรียบเปรยในภาษาพูดว่า “พูดเป็นภาษาเขมร” เพื่อสื่อว่าฟังไม่รู้เรื่อง หรือ “หน้าเหมือนเขมร” ในเชิงล้อเลียนรูปลักษณ์ ซึ่งส่งผลให้คำนี้ถูกตีความว่าเป็นการลดทอนคุณค่าของอีกฝ่าย ปัจจัยด้านประวัติศาสตร์และอคติในวาทกรรมไทย นักวิชาการด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระบุว่า ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ในประวัติศาสตร์ มีทั้งช่วงเวลาของความใกล้ชิดและความขัดแย้ง โดยเฉพาะกรณีพิพาทด้านดินแดน เช่น ข้อพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหาร รวมถึงการตีความประวัติศาสตร์ต่างมุมระหว่างสองประเทศ บริบทเหล่านี้สะท้อนอยู่ในสื่อและวาทกรรมของสังคมไทย […]

อ่านต่อ

Darc เตือนถึงผลกระทบเมื่อความตึงเครียดของชายแดนไทย-กัมพูชา ยืดเยื้อ

พนมเปญ – สื่อของกัมพูชา อย่าง cambodianess.com หรือ CamNess สื่อเว็บไซต์ท้องถิ่นของประเทศกัมพูชา ได้นำความเห็นของ Arnaud Darc อดีตประธานหอการค้าแห่งสหภาพยุโรปประจำกัมพูชา และนักธุรกิจคนสำคัญของกัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา Arnaud Darc ผู้นำภาคธุรกิจ ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อวิกฤตการณ์ชายแดนระหว่างกัมพูชา – ไทย ที่ทวีความรุนแรงขึ้น พร้อมเตือนว่าสถานการณ์ความขัดแย้งทางการทูตในครั้งนี้ มิใช่เพียงปัญหาด้านการค้า หรือการท่องเที่ยวเท่านั้น “นี่ไม่ใช่สงคราม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก” นายดาร์คกล่าว“นี่คือบททดสอบ – ของภาวะผู้นำ ของการทูต และของการตอบสนองต่อแรงกดดัน ว่าเราจะใช้วุฒิภาวะ หรือใช้ความรุนแรงในการตอบกลับ” นายดาร์ค อดีตประธานหอการค้าแห่งสหภาพยุโรปประจำกัมพูชา ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ชายแดนเมื่อเดือนพฤษภาคม ซึ่งทหารกัมพูชานายหนึ่งเสียชีวิตในพื้นที่ มมเบย (Mom Bei) ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวได้ลุกลามกลายเป็นความเย็นชาระหว่างสองประเทศในระดับกว้าง นับตั้งแต่นั้น จุดผ่านแดนหลายแห่งถูกสั่งปิด การค้าชายแดนชะลอตัวลงอย่างมาก และความไม่ไว้วางใจกันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ด่านชายแดนปิดเงียบ ชาตินิยมกำลังเพิ่มสูงขึ้น และเมืองอย่าง ปอยเปต — ที่เคยคึกคัก — กำลังกลายเป็นเขตเศรษฐกิจร้าง” เขากล่าว “อัตราการเข้าพักโรงแรมลดจาก […]

อ่านต่อ

ทหารไทย สั่งเข้มชายแดนเมียนมา หลังทหารกะเหรี่ยงใช้โดรนทิ้งระเบิดลงคลังกระสุนปืนใหญ่ทหารเมียนมา เสียงดังก้องถึงไทย

ตาก – พล.ต.ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อม พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา 5 อำเภอชายแดนจังหวัดตาก ( แม่สอด-พบพระ-อุ้มผาง-ท่าสองยาง-แม่ระมาด) เดินทางมาตรวจแนวชายแดน และสั่งกำลังทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร เฝ้าระวังชายแดนอย่างเข้มข้น เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ และรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนไทยตามแนวชายแดน  ภายหลังที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา ตรงข้ามอำเภอพบพระ ได้มีการสู้รบระหว่าง กองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army – KNLA) บูรณาการร่วมกับ องค์การป้องกันชาติกะเหรี่ยง (Karen National Defence Organisation –KNDO)  ในสังกัดสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ (Karen National Union: KNU)  และกองกำลังปกป้องพิทักษ์ประชาชน  (People’s Defence Force: PDF)  หรือ กลุ่มต่อต้านการรัฐประหารในเมียนมา บริเวณกองบังคับการยุทธวิธีที่ 1 ค่ายทีตาแหล่ บ้านทีตาแหล่ อ.วาเล่ย์ใหม่ จ.เมียวดี […]

อ่านต่อ

ท่องเที่ยวไทยครึ่งปีแรก 2025 นทท.ต่างชาติลดลง รัฐรับมืออย่างไร

ประเทศไทย – ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 จำนวนการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง 4.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ที่ประมาณ 16.6 ล้านคน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักยังคงเป็นชาวมาเลเซียและจีน ซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของไทย ปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง มาตรการ “Half-Price Thailand Travel” เพื่อรับมือกับแนวโน้มดังกล่าว รัฐบาลไทยได้เปิดตัวแคมเปญ “Half-Price Thailand Travel” โดยเสนอส่วนลดสูงสุด 50% สำหรับค่าที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว และบริการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับมาอีกครั้ง  แคมเปญนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก นอกจากนี้ยังช่วยลดผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย แนวโน้มและข้อเสนอแนะ  แม้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงในช่วงครึ่งปีแรก แต่การดำเนินนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่าง “Half-Price Thailand Travel” ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยบรรเทาผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม การวางแผนระยะยาวควรเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการสร้างความแตกต่างของสินค้าและบริการ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดท่องเที่ยวโลก. อ่านข่าวอื่น ๆ :

อ่านต่อ