
การจับจั๊กจั่นเป็นวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาของชาวบ้านในชนบทของไทย ซึ่งนอกจากจะเป็นการหาอาหารพื้นบ้านแล้ว ยังเป็นรายได้เสริมในช่วงฤดูกาลเฉพาะอีกด้วย จั๊กจั่นเป็นแมลงที่มีวงจรชีวิตเฉพาะ โดยจะออกจากดินมาลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมของทุกปี
วิธีการจับจั๊กจั่น
- การจับช่วงกลางคืนด้วยไฟฉาย ชาวบ้านจะใช้ไฟฉายคาดหัว ส่องตามลำต้นไม้ เช่น ต้นลำไย เพื่อหาตัวอ่อนของจั๊กจั่นที่กำลังไต่ขึ้นมาลอกคราบ วิธีนี้นิยมในช่วงเวลาประมาณ 19.00-21.00 น.
- การใช้ไฟแบล็คไลท์ล่อ บางพื้นที่จะใช้ไฟแบล็คไลท์เปิดล่อจั๊กจั่นให้บินมาเล่นไฟ โดยจะกางผืนพลาสติกไว้เพื่อให้จั๊กจั่นชนและล่วงลงในภาชนะที่เตรียมไว้ วิธีนี้ช่วยให้จับจั๊กจั่นได้ง่ายขึ้น
- การใช้แสงไฟนีออนสีม่วง ในบางพื้นที่ ชาวบ้านจะใช้แสงไฟนีออนสีม่วงล่อจั๊กจั่นให้มาเล่นไฟ และเลือกจับเฉพาะจั๊กจั่นที่มีตัวสีดำ ท้องสีส้ม ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีเนื้อมันกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ
ช่วงเวลาที่มีการจับจั๊กจั่นขึ้นอยู่กับวงจรชีวิตและฤดูกาลของจั๊กจั่น ซึ่งโดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็นช่วงเวลาหลัก ๆ ดังนี้
1. ฤดูที่เหมาะแก่การจับจั๊กจั่น
ช่วงต้นฤดูฝน (พฤษภาคม – กรกฎาคม)
เป็นช่วงที่ตัวอ่อนของจั๊กจั่นที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินเริ่มขึ้นมาสู่พื้นดินเพื่อเตรียมเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย ชาวบ้านในบางพื้นที่ เช่น ภาคอีสานและภาคเหนือของไทย จะเริ่มจับจั๊กจั่นในช่วงนี้ เพราะจั๊กจั่นยังมีเนื้อนุ่มและมีรสชาติอร่อย
ปลายฤดูฝน – ต้นฤดูหนาว (สิงหาคม – ตุลาคม)
เป็นช่วงที่จั๊กจั่นโตเต็มวัยและเริ่มส่งเสียงร้องหาคู่ จั๊กจั่นในช่วงนี้จะมีปริมาณมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีต้นไม้เยอะ เช่น ป่าโปร่ง ทุ่งนา และสวนผลไม้
2. ช่วงเวลาที่นิยมจับจั๊กจั่นในแต่ละวัน
- ช่วงหัวค่ำ (18.00 – 21.00 น.)
เป็นเวลาที่ตัวอ่อนของจั๊กจั่นเริ่มโผล่จากดินและปีนขึ้นต้นไม้เพื่อสลัดคราบกลายเป็นตัวเต็มวัย ชาวบ้านจะใช้ไฟฉายส่องหา และจับจั๊กจั่นที่เพิ่งขึ้นต้นไม้ ซึ่งยังจับได้ง่าย
- ช่วงดึก (22.00 – 03.00 น.)
จั๊กจั่นบางชนิดที่โตเต็มวัยแล้วจะเกาะตามต้นไม้และส่งเสียงร้อง สามารถใช้ตาข่ายดักจับหรือใช้ไฟล่อให้จั๊กจั่นบินมาเกาะก่อนจับ
- ช่วงเช้าตรู่ (04.00 – 06.00 น.)
เป็นช่วงที่จั๊กจั่นมีการเคลื่อนไหวน้อย ทำให้จับง่ายขึ้น

เทคนิคการจับจั๊กจั่น
- การขุดหาในดิน – ใช้เสียมเล็ก ๆ หรือมือเปล่าขุดดินบริเวณโคนต้นไม้เพื่อจับตัวอ่อน
- การใช้ไฟล่อ – ใช้ไฟฉายหรือโคมไฟล่อจั๊กจั่นให้บินเข้ามา จากนั้นจับใส่ภาชนะ
- การใช้ตาข่ายดัก – นำตาข่ายไปดักบริเวณต้นไม้ที่จั๊กจั่นเกาะอยู่ แล้วสะบัดให้จั๊กจั่นตกลงมา
- การใช้มือจับโดยตรง – วิธีดั้งเดิมที่นิยมในชนบท โดยใช้ความชำนาญและความไวในการจับ

การจับจั๊กจั่นเป็นวิถีชีวิตของชาวชนบทที่สืบทอดกันมายาวนาน และยังเป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูง เป็นอาหารพื้นบ้านที่หายากและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว!
จั๊กจั่นเป็นแมลงที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ และมีรสชาติคล้ายกุ้งหรือไก่ จึงสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายเมนู ทั้งแบบพื้นบ้านและแบบฟิวชัน โดยเมนูยอดนิยม ได้แก่
เมนูจั๊กจั่นแบบดั้งเดิม
- จั๊กจั่นทอดกรอบ – นำจั๊กจั่นมาล้างให้สะอาด โรยเกลือเล็กน้อยแล้วทอดในน้ำมันร้อนจนกรอบ สามารถกินเป็นกับแกล้มหรือโรยเกลือ พริกไทยเพิ่มรสชาติ
- จั๊กจั่นคั่วเกลือ – คั่วจั๊กจั่นกับเกลือและใบมะกรูดในกระทะแห้ง ๆ จนแห้งกรอบ หอมมัน เคี้ยวเพลิน
- จั๊กจั่นย่าง – นำจั๊กจั่นเสียบไม้ ย่างบนเตาถ่านจนกรอบนอกนุ่มใน กินกับน้ำจิ้มแจ่ว
- ลาบจั๊กจั่น – คลุกเคล้าจั๊กจั่นทอดกรอบกับเครื่องลาบ เช่น ข้าวคั่ว พริกป่น น้ำมะนาว หอมแดง และต้นหอม


เมนูจั๊กจั่นแนวสร้างสรรค์
5. จั๊กจั่นชุบแป้งทอด – คลุกจั๊กจั่นกับแป้งทอดกรอบ ทอดให้เหลืองกรอบ เสิร์ฟคู่กับซอสมายองเนสหรือซอสพริก
6. พาสต้าใส่จั๊กจั่น – นำจั๊กจั่นทอดมากินคู่กับพาสต้า เช่น สปาเกตตีคาโบนารา หรือเพสโต ให้รสสัมผัสกรุบกรอบ
7. พิซซ่าหน้าจั๊กจั่น – ใช้จั๊กจั่นทอดกรอบแทนเบคอนหรือไส้กรอก เพิ่มรสชาติแปลกใหม่ให้พิซซ่า
8. จั๊กจั่นอบชีส – อบจั๊กจั่นกับชีสเยิ้ม ๆ ให้ได้รสชาติเข้มข้น
เมนูพื้นเมืองเฉพาะถิ่น
9. แกงจืดจั๊กจั่น – ใส่จั๊กจั่นลงในน้ำซุปใสร่วมกับฟักและต้นหอม ปรุงรสเบา ๆ
10. จั๊กจั่นผัดพริกแกง – ผัดกับเครื่องแกงเผ็ด เพิ่มรสชาติด้วยใบโหระพาและพริกสด
11. ซุปอีสานใส่จั๊กจั่น – คล้ายแกงลาว ใส่ผักพื้นบ้านและน้ำปลาร้า
จั๊กจั่นสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายรูปแบบ และยังเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย!
ประโยชน์และรายได้จากการจับจั๊กจั่น
การจับจั๊กจั่นไม่เพียงแต่เป็นการหาอาหารพื้นบ้านที่มีโปรตีนสูง แต่ยังเป็นรายได้เสริมที่สำคัญของชาวบ้านในช่วงฤดูแล้ง โดยราคาจั๊กจั่นนางฟ้าสูงสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท ชาวบ้านที่มีความชำนาญสามารถจับได้คืนละไม่ต่ำกว่า 10 กิโลกรัม ทำให้มีรายได้ประมาณวันละ 2,500 บาท หรือเดือนละประมาณ 1 แสนบาท
ความสำคัญทางวัฒนธรรม
การจับจั๊กจั่นเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างความสัมพันธ์ในชุมชน เมื่อชาวบ้านมารวมตัวกันเพื่อจับจั๊กจั่นในช่วงฤดูกาลนี้
การจับจั๊กจั่นเป็นตัวอย่างของวิถีชีวิตที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความรู้และภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์และเผยแพร่ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และเข้าใจ.
อ่านข่าวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง :
- “ไข่ผำ” ไข่มุกสีเขียวแห่งสายน้ำ สุดยอดอาหารแห่งอนาคต
- “นั่งผิดชีวิตเปลี่ยน!” แพทย์เตือน นั่งไม่ถูกท่าเสี่ยงหมอนรองกระดูกทับเส้น – ปวดหลังเรื้อรัง
- วิถีชีวิตหาเก็บ”ไข่มดแดง” วัฒนธรรมถิ่นอีสานในทุกคำเล่า


