อุบลราชธานี – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา นายกันตพงษ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย จ.อุบลราชธานี ได้เดินทางเข้าไปที่รีสอร์ทของ “จอนนี่ มือปราบ” หรือ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ อดีตตำรวจสายสืบ และอินฟูชื่อดัง ตั้งอยู่เขตปกครองของ ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นรีสอร์ทเจ้าปัญหาหลังจากที่ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เข้าแจ้งความดำเนินคดีว่าจอนนี่ มือปราบ ได้ปลูกสร้างรีสอร์ทบุกรุกที่ดินของนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย เป็นกลายเป็นกระแสข่าวดังขึ้นมา
ขอบคุณภาพข่าวบางส่วนจากเฟสบุ๊ก : ตลึงกรุง จอนนี่มือปราบ
โดยการเดินทางไปเพื่อพูดคุยกับจอนนี่ และเปิดเวทีชี้แจงปัญหากรณีที่ดินของนิคมฯ จากนั้นในวันเดียวกัน “จอนนี่ มือปราบ” ได้โพส์ตข้อความผ่านสื่อออนไลน์ของตัวเอง ระบุอ้างว่า จากการต่อสู้ของผมวันนั้น จนทำให้ท่านอธิบดี ยกเป็นเคสตัวอย่างนำร่อง (คือโมเดลของจอนนี่) เพื่อจะหาแนวทางช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในลักษณะดังกล่าวนี้ต่อไปทั่วประเทศ , ท่านบอกว่า “มันมีระเบียบที่หาทางออกให้กับชาวบ้านได้ดียังมีอยู่” และท่านไม่คิดจะดำเนินคดีใครทั้งสิ้น จะหาทางออกที่ดีให้ชาวบ้านได้มีเอกสารสิทธิ์ทำกินต่อไป
จากนั้น ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน “จอนนี่ มือปราบ” ได้โพส์ตข้อความอีก ระบุว่า “พวกด่าผม วิจารณ์ผม เม้นท์ให้ผมในทางลบ ๆ เสีย ๆ หาย ๆ ลบกันให้ทันนะ เพราะยังไม่มีคำพิพากษาไหนตัดสินว่าผมกระทำผิดอะไร อย่าหิวแสง อย่าเกาะกระแส ผมจะฟ้องเอาเงิน มาเป็นกองทุนเด็กยากจนแต่เรียนดีสักหน่อย ว่าจะไม่ฟ้องละ แต่เอาหน่อย ปากดีกันนัก”
จากกรณีดังกล่าว ทำให้ อ.อ๊อด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ ได้โพส์ตข้อความในเฟสบุ๊กส่วนตัว ชื่อ Weerachai Phutdhawong https://web.facebook.com/phutdhawong ระบุว่า “กรณีจอนนี่มือปราบ จากข้อมูลในสื่อ อาจารย์อ๊อดคาดการณ์ว่าเรื่องไม่จบหรอกครับเพราะ เจ้าหน้าที่ของกรม มีการแจ้งความไว้แล้ว หลักกฎหมายอาญาเป็นคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้ เป็นอาญาแผ่นดิน แม้อธิบดีจะบอกว่าไม่เอาเรื่องเอาราว แต่ที่ดินที่เป็นสมบัติของแผ่นดินนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ มันมีพยานหลักฐานชัดเจนเป็นที่ประจักษ์คือรีสอร์ท งานนี้ต้องฟังจากปากอธิบดีและ อธิบดีกรมตำรวจเท่านั้นนะครับ หรืออีกทางออกคืออัยการสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งจากประสบการณ์ไม่น่าจะเป็นไปได้
ส่วนที่จอนนี่บอกว่ามีคน มาวิจารณ์เพราะต้องการมาเกาะตนเองเพื่อแสงเป็นการคิดที่แคบไปหน่อยนะครับ และการขู่ฟ้องคนที่วิพากษ์วิจารณ์อาจารย์อ๊อดไม่เห็นด้วย ตนเองเป็นบุคคลสาธารณะ และเรื่องนี้เป็นประโยชน์แห่งสาธารณะ ฟ้องไปศาลก็ยกฟ้องสร้างความวุ่นวายให้เขาไปขึ้นศาลที่อุบลราชธานี เดี๋ยวเขาก็ฟ้องกลับ หลายฐานความผิด เป็นเรื่องเป็นราวไม่จบไม่สิ้น”
อ่านข่าวอื่น ๆ :