พิจิตร – วันที่ 11 ก.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาการเปรียญวัดท่าหลวง พระอารามหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง พระที่อยู่ในกระแสข่าวที่ถูกสีกากอล์ฟพาดพิง ว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง รวมถึงสื่ออีกหลายสำนักที่เฝ้าจับจ้องว่า เจ้าคณะจังหวัดพิจิตรจะเป็นเหยื่อของสีกากอล์ฟ หรือมีภาพในโทรศัพท์มือถือของสีกากอล์ฟหรือไม่? โดยที่กระแสข่าวเจ้าอาวาส ได้แอบหนีไปสึกจากการเป็นพระแล้วนั้น ซึ่งไม่เป็นความจริง

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นวันเข้าพรรษา เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ในฐานะเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง ได้ขึ้นศาลาการเปรียญปฏิบัติกิจของสงฆ์ท่ามกลางญาติโยมที่ยังเลื่อมใสศรัทธามาร่วมทำบุญกันในวันนี้ ซึ่งอาจจะดูโหรงเหรง แต่เนื่องด้วยเมื่อช่วงเช้าในเขตเทศบาลเมืองพิจิตร และในบริเวณวัดมีฝนตกลงมาโปรยปรายจึงอาจเป็นอุปสรรคของญาติโยมหรือผู้สูงอายุที่จะมาทำบุญ จึงทำให้คนทำบุญไม่แน่นศาลาวัด เหมือนในเทศกาลงานบุญใหญ่ครั้งที่ผ่าน ๆ มา
โดยเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “หลายวันที่ผ่านมาก็ไม่ได้หลบหน้าหรือหนีหายไปไหน แต่ไปทำงานที่ มจร.พิจิตร ในส่วนของเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นข่าวอยู่นั้น อาตมาก็คงไม่สามารถที่จะพูดอะไรมากได้ และขอให้เป็นไปตามกระบวนการการตรวจสอบ และก็ยินดี เพราะเมื่อพูดหรือให้สัมภาษณ์สื่ออะไรไป ก็จะเหมือนเป็นการแก้ตัว ถ้ามีปัญหาอะไรก็จะขอให้สื่อมวลชนไปสอบถามได้ที่ทนายกิจชัย บุญปู่ ซึ่งเป็นทนายความที่ปรึกษาประจำวัดท่าหลวง”
นอกจากนี้ยังได้กล่าวในลักษณะน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกสื่อมวลชนบางสำนักรุกร้ำจู่โจมตั้งกล้องถ่ายภาพบรรยากาศต่าง ๆ บริเวณกุฎิ ซึ่งเป็นที่พักของพระเณร ซึ่งน่าจะให้เป็นสถานที่ส่วนตัวกันบ้างรวมถึงก็มีบุกไปที่บ้านของเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ซึ่งมียายอายุ 99 ปี ทำให้คุณยายและคนแถวนั้นต่างตื่นตระหนกตกใจ ซึ่งถ้าคุณยายเป็นอะไรไป นักข่าวจะรับผิดชอบไหม? จึงอยากจะขอวิงวอนสื่อทำงานทำข่าวก็อย่าได้ล้ำเส้นหรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น

ขณะที่ นายกิจชัย บุญปู่ ซึ่งเป็นทนายความที่ปรึกษาประจำวัดท่าหลวง ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ในกรณที่มีข่าวออกมา เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการ ขอให้ท่านที่มีหลักฐานต่าง ๆ ให้ส่งเข้าสู่ตามระบบ หากเกี่ยวกับมหาเถระก็ให้ส่งที่มหาเถระ หากเกี่ยวกับสำนักพุทธ ก็ให้ส่งไปที่สำนักพุทธแห่งชาติ การเสนอข่าวกันไปมา เป็นสิ่งที่ทำให้ไม่ได้ข้อเท็จจริง ส่วนคำถามที่ว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดีหรือฟ้องร้องสื่อมวลชนบางสำนักที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคลนั้น ทนายกิจชัย ตอบว่า ไม่มีความคิดที่จะฟ้องร้องสื่อมวลชนแต่อย่างใด เพียงแค่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้เคารพในความพอดีและอย่าล่วงเกินสิทธิส่วนบุคคล
นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำว่าถ้าอยากได้ข้อมูลใดเกี่ยวกับพระสงฆ์ ควรไปหาหรือข้อข้อมูลจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และผู้กล่าวหาน่าจะได้ความจริงที่ถูกต้อง มากกว่าไปเที่ยวถามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับรูปคดี ดังนั้นจึงอยากจะในสิ่งที่มีหลักฐานเป็นหลักเพราะไม่อยากโต้ตอบพูดกันไปมาผ่านสื่อ ซึ่งจะทำให้ถ้าชี้แจงยังไม่จบก็ควรว่ากันได้พยานหลักฐานเป็นหลัก เรื่องนี้เป็นเรื่องของคณะสงฆ์จึงควรเข้าสู่กระบวนการ ให้ฝ่ายตรวจสอบเข้ามาตรวจสอบจะดีกว่า โดยยืนยันว่าเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร พร้อมเข้ารับการตรวจสอบตามกระบวนการในทุก ๆ กรณีแต่จะไม่โต้ตอบผ่านสื่อแต่อย่างใด เท่านั้นเอง. / ภาพข่าวโดย : สิทธิพจน์ เกบุ้ย ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพิจิตร



อ่านข่าวอื่น ๆ :
- “จอนนี่ มือปราบ” จะรอดหรือไม่ นักกฎหมาย-นักวิชาการ วิเคราะห์จนเห็นภาพ
- 22 ก.ค. ตำรวจ ปทส. ลุยสอบรีสอร์ท “จอนนี่ มือปราบ” บุกรุกที่นิคมสร้างตนเอง
- เมืองไทยประกันชีวิต ยกระดับการดูแลเด็กไทย ผ่านโครงการปรับปรุงศูนย์กุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ รพ.จุฬาลงกรณ์ฯ
ฟังเสียงสัมภาษณ์ เจ้าอาวาสและทนายความ