หัวข้อประเทศไทย

วิเคราะห์เจาะลึก: “ปลดล็อก 87,000 ผู้ลี้ภัย” จุดเปลี่ยน 40 ปี นโยบายชายแดนไทย จาก “ภาระความมั่นคง” สู่ “โอกาสทางเศรษฐกิจ”

ประเทศไทยได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับการบริหารจัดการผู้ลี้ภัยที่ยาวนานเกือบ 40 ปี เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในมาตรการที่อนุญาตให้ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า ‘ผู้ลี้ภัย’) จำนวนกว่า 87,000 คน ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว 9 แห่ง สามารถขอใบอนุญาตทำงานและเดินทางออกนอกพื้นที่ค่ายได้อย่างถูกกฎหมาย นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงเชิงธุรการ แต่คือการ “พลิกกระดาน” (Game Changer) ในกระบวนทัศน์ (Paradigm Shift) ของรัฐไทย จากเดิมที่มองประชากรกลุ่มนี้ผ่าน “เลนส์ความมั่นคง” (Security Lens) มาโดยตลอด สู่การมองผ่าน “เลนส์เศรษฐกิจและมนุษยธรรม” (Economic and Humanitarian Lens) TopicThailand วิเคราะห์เจาะลึกถึงที่มาที่ไปของมติประวัติศาสตร์นี้ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า ว่านี่คือทางออกที่ “Win-Win” หรือเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า วิกฤตซ้อนวิกฤต: แรงผลักดันสู่การเปลี่ยนแปลง การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ แต่เกิดจากแรงบีบของ 2 วิกฤตใหญ่ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน 1. วิกฤตการขาดแคลนแรงงานของไทย: ประเทศไทยกำลังเผชิญ “หน้าผาแรงงาน” (Labour Cliff) […]

อ่านต่อ

ไทยเร่งลงทุน 3 แสนล้านบาทใน 4 เดือน: โอกาสจริงหรือภาระซ่อนเร้น?

รัฐบาลไทยประกาศแผนเร่งรัดการอนุมัติและเบิกจ่ายโครงการลงทุนมูลค่ารวมราว 300,000 ล้านบาท (≈ 9.22 พันล้านดอลลาร์) ภายใน 4 เดือนข้างหน้า โดยเน้นกลุ่ม Data centers, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (E&E) และ พลังงาน/พลังงานหมุนเวียน การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีนัยสำคัญทั้งต่อภาพรวมเศรษฐกิจ การจ้างงาน และความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน. พื้นฐานและเหตุผลของมาตรการ เศรษฐกิจไทยในปี 2568 เผชิญแรงกดดันจากการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและค่าเงินบาทที่แข็ง รวมถึงหนี้ครัวเรือนในระดับสูง รัฐจึงมองว่า “การเร่งการลงทุนขนาดใหญ่” เป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นการจ้างงานและดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทันที โดย BOI ระบุว่าจะเร่งรัดประมาณ 70 โครงการที่ติดขัดและมูลค่ารวมครบ 300,000 ล้านบาทผ่านมาตรการ “FastPass” เพื่อย่นเวลาในการอนุมัติและข้ามอุปสรรคเชิงระเบียบราชการ. กลุ่มเป้าหมายสำคัญ – ทำไม? “Data centers” ถึงได้เปรียบ? Data centers เป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูง แต่ให้ผลตอบแทนเชิงโครงสร้างในระยะยาว: การสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ (hyperscale) ดึงผู้ให้บริการคลาวด์และผู้ประกอบการ AI/Big Data เข้ามา ซึ่งหมายถึงการสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ๆ ในประเทศ […]

อ่านต่อ

“ข่าวลือ 7 นักการเมืองไทยเอี่ยวสแกมเมอร์กัมพูชา” – มิติการเมือง, การทูต, และผลกระทบต่อความมั่นคง

ข่าวลือที่อ้างว่านายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เปิดเผยรายชื่อนักการเมืองไทย 7 คนที่พัวพันกับแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติในกัมพูชา ได้กลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในสังคมไทย ข่าวนี้ไม่เพียงแต่สั่นคลอนเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ แต่ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับเกาหลีใต้และกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานทูตเกาหลีใต้ได้ออกมาปฏิเสธอย่างชัดเจนว่าข่าวดังกล่าวเป็น “ข่าวปลอม” (Thai PBS News, 18 ต.ค. 2568) บทความนี้จะวิเคราะห์ประเด็นนี้ในเชิงลึก ทั้งมิติทางการเมืองภายในประเทศ ความซับซ้อนทางการทูต และความท้าทายในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ส่วนที่ 1: การเมืองภายในกับการปราบปรามอาชญากรรม : ข้อกล่าวหาว่านักการเมืองไทยเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้มีการอภิปรายในสภาฯ โดยพรรคฝ่ายค้านถึงความเชื่อมโยงของนักการเมืองระดับสูงกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกุญแจสำคัญในเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชา (Thai Enquirer, 3 ต.ค. 2568) ข่าวลือล่าสุดจึงทำหน้าที่เป็นเชื้อเพลิงที่เร่งให้เกิดความตึงเครียดทางการเมือง มิติทางการเมือง: รัฐบาลต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากทั้งฝ่ายค้านและประชาชนในการแสดงความจริงจังและโปร่งใสในการตรวจสอบข้อกล่าวหาเหล่านี้ การที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบทันที (Thai PBS News, 19 ต.ค. 2568) เป็นการแสดงออกถึงความพยายามควบคุมสถานการณ์และยืนยันหลักการว่า “หากพบผิดจริงไม่มียกเว้น” ซึ่งเป็นจุดยืนที่จำเป็นต่อการรักษาความชอบธรรมทางการเมืองในสถานการณ์ที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อการเมือง ส่วนที่ 2: มิติทางการทูต: สามเหลี่ยมความสัมพันธ์ที่เปราะบาง : ส่วนที่ 3: ข้อมูลเชิงวิชาการและสถิติ: ฐานรากของอาชญากรรมข้ามชาติ : อาชญากรรมทางเทคโนโลยีในกัมพูชามีมูลค่ามหาศาล องค์การสหประชาชาติ […]

อ่านต่อ

ยังเป็นข่าวลือ : เกาหลีใต้เปิด 7 นักการเมืองไทย เอี่ยวสแกมเมอร์

เกิดการเคลื่อนไหวของสื่อและโซเชียลมีเดียไทย ที่อ้างว่า “นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ได้เปิดเผยรายชื่อนักการเมืองไทย 7 คน ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมในกัมพูชา” ข่าวดังกล่าวได้รับการแชร์อย่างรวดเร็วและสร้างความตื่นตัวทางการเมือง แต่เมื่อตรวจสอบกับแหล่งข่าวระหว่างประเทศและการแถลงอย่างเป็นทางการ พบว่าข้อความนี้ยัง ไม่ได้รับการยืนยัน และมีสัญญาณเตือนว่าอาจเป็นข้อมูลยังไม่ตรวจสอบ (unverified) ภาพรวมบริบทระหว่างประเทศ:ในเดือนนี้ เกาหลีใต้ได้เข้มงวดเรื่องเครือข่ายสแกมในกัมพูชา หลังเหตุประชาชนเกาหลีใต้ถูกบังคับให้ทำงานในศูนย์สแกมและมีกรณีความรุนแรงที่สร้างความไม่พอใจในสังคมเกาหลีใต้ ส่งผลให้รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศ “code-black” ห้ามเดินทางบางพื้นที่ และมีการร่วมมือกับกัมพูชาเพื่อตรวจสอบเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ. สำนักข่าวชั้นนำรายงานการสืบสวนและการส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับประเทศ รวมทั้งมาตรการระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง. ข่าวลือในไทย — แหล่งที่มาและการแพร่กระจาย:ข้อความที่อ้างว่า “นายกฯ เกาหลีใต้เปิดชื่อ 7 คน” มาจากโพสต์ในเพจ/กลุ่มโซเชียลบางแห่งและเว็บข่าวไทยที่นำเสนอซ้ำ โดยอ้างว่า “มีรายชื่อในมือสื่อ” แต่แทบไม่มีหลักฐานต้นทาง (primary source) เช่น แถลงการณ์จากรัฐบาลเกาหลีใต้ เอกสารสอบสวน หรือข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศที่น่าเชื่อถือ (Reuters/AP/Al Jazeera/FT) ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเป็นข่าวที่ยังต้องตรวจสอบ (unverified claim). ตัวอย่างเว็บที่รายงานซ้ำและโพสต์โซเชียลดังกล่าวมีการอ้างซ้ำกัน แต่ไม่มีเอกสารอ้างอิงต้นทาง. ความเสี่ยงทางกฎหมายและจริยธรรมของการเผยแพร่ชื่อ:การเผยแพร่ข้อกล่าวหาต่อบุคคลโดยไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (หมิ่นประมาท มาตรา 326–328) และอาจเป็นพื้นฐานของคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายได้ โดยเฉพาะหากเผยแพร่ผ่านสื่อสาธารณะ การลงชื่อหรือการกล่าวหาใครต่อใครโดยไม่มีหลักฐานเพียงพอเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับสื่อที่ยึดมาตรฐานความถูกต้องและความรับผิดชอบ. (Thailand Law Library) […]

อ่านต่อ

การเลื่อนโต๊ะเจรจาชายแดนไทย-กัมพูชา: สัญญาณความไม่แน่นอนในการคลี่คลายวิกฤต

การตัดสินใจของกองทัพภาคที่ 2 ของไทยที่ประกาศเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ครั้งพิเศษกับฝ่ายกัมพูชาอย่างไม่มีกำหนด เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2568 นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงความไม่แน่นอนในการคลี่คลายวิกฤตความขัดแย้งตามแนวชายแดนที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 ประเด็นนี้ไม่ได้เป็นเพียงการปรับเปลี่ยนตารางการประชุม แต่เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความท้าทายเชิงยุทธศาสตร์และการทูตที่ทั้งสองประเทศยังต้องเผชิญในการเปลี่ยนผ่านจากสถานการณ์ปะทะไปสู่การรักษาสันติภาพที่ยั่งยืน ภูมิหลัง: ความตึงเครียดและข้อตกลงที่ไม่คืบหน้า วิกฤตการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในปี 2568 ได้ยกระดับความตึงเครียดไปสู่การปะทะด้วยอาวุธหนักหลายครั้ง โดยมีชนวนจากประเด็นเขตแดนทับซ้อนและการกล่าวหาเรื่องการละเมิดอธิปไตย แม้ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและตกลงในหลักการที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อเดือนกันยายน ว่าจะดำเนินการถอนอาวุธหนักและเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ตามแนวชายแดน (ที่มา: รายงานการประชุม GBC เดือนกันยายน) อย่างไรก็ตาม แผนการลดความตึงเครียดดังกล่าวได้ถูกตอกย้ำด้วยกำหนดการประชุม RBC ในห้วงวันที่ 15-17 ตุลาคม ที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งถูกมองเป็นขั้นตอนปฏิบัติการสำคัญในการลงรายละเอียดภาคสนาม สาเหตุของการเลื่อน: “ความไม่เป็นรูปธรรม” ในข้อเสนอของกัมพูชา ฝ่ายไทยโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ออกแถลงการณ์อย่างชัดเจนว่า สาเหตุของการเลื่อนมาจากฝ่ายกัมพูชาไม่สามารถนำเสนอแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม (Concrete Proposal) เกี่ยวกับการถอนอาวุธหนักและขอบเขตการเก็บกู้ทุ่นระเบิดได้ตามข้อตกลง GBC (ที่มา: แถลงการณ์กองทัพภาคที่ 2, 15 ต.ค. 2568) ในมุมมองเชิงวิเคราะห์ สาเหตุนี้อาจถูกตีความได้หลายประการ: ผลกระทบทางสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง […]

อ่านต่อ

รายได้แสนล้านกองสลาก: ยืนอยู่บน ‘กำไร’ หรือ ‘ความรับผิดชอบสังคม’ เมื่อชาติเผชิญวิกฤต?

เม็ดเงินมหาศาลจาก “ความหวัง” ของคนไทย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (GLO) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “กองสลาก” เป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับรัฐบาลไทย ข้อมูลทางสถิติในหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของยอดจำหน่ายสลาก โดยมี เม็ดเงินหมุนเวียนต่อปีทะลุหลักแสนล้านบาท จนกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ แต่ท่ามกลางตัวเลขกำไรที่พุ่งสูง คำถามเชิงวิชาการและเชิงจริยธรรมที่สังคมไม่เคยมองข้ามคือ: รายได้มหาศาลเหล่านี้ถูกจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส เพื่อตอบสนองต่อ ‘ความรับผิดชอบทางสังคม’ (Corporate Social Responsibility – CSR) ของรัฐวิสาหกิจอย่างแท้จริงหรือไม่? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตการณ์สำคัญ เช่น มหาอุทกภัย หรือความตึงเครียดตามแนวชายแดน โครงสร้างรายได้: กำไรที่ท่วมท้นมาจากไหน? ตามโครงสร้างการจัดสรรรายได้ของกองสลาก (อ้างอิงจากพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และระเบียบที่เกี่ยวข้อง) รายได้จากการจำหน่ายสลากจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก: ในปี 2567-2568 (คาดการณ์ตามแนวโน้ม) หากยอดจำหน่ายยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง รายได้ในส่วนของ “รายได้แผ่นดิน” ที่นำส่งกระทรวงการคลังเพื่อเข้าสู่ระบบงบประมาณแผ่นดิน จะเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์ (แหล่งอ้างอิง: รายงานประจำปีสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล, กรมบัญชีกลาง) อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่นักวิชาการให้ความสำคัญคือส่วนของร้อยละ 17 ซึ่งมีส่วนของ “เงินส่วนแบ่งเพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม” อยู่ด้วย (ประมาณร้อยละ 2-3 ของยอดขาย […]

อ่านต่อ

Bloodless Warfare วิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา : การยืนยันอำนาจอธิปไตย บนความท้าทายทางกฎหมายสากล

สถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวหลักเขตแดนที่ 47-48 จังหวัดสระแก้ว ได้กลับมาเป็นประเด็นที่สังคมไทยให้ความสนใจสูงสุดอีกครั้ง รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงของไทยได้ใช้มาตรการเข้มข้นในการยืนยันอำนาจอธิปไตยและผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำออกนอกพื้นที่ โดยมีการกล่าวถึงการใช้ปฏิบัติการทางจิตวิทยา (Psy-Ops) เช่น การเปิดเสียงที่เชื่อว่าทำให้ฝ่ายตรงข้ามหวาดกลัว เพื่อกดดันการถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาท การยืนยันอำนาจอธิปไตยผ่านปฏิบัติการทางทหารและจิตวิทยา การดำเนินการของกองกำลังป้องกันชายแดนไทย ซึ่งรวมถึงการเข้าควบคุมพื้นที่และจับกุมแรงงานกัมพูชาที่ลักลอบเข้าเมือง หรือผู้ที่เชื่อว่ารุกล้ำอธิปไตย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดน การตัดสินใจใช้ปฏิบัติการทางจิตวิทยา เช่น การเปิดเสียงดังผิดปกติ หรือแม้แต่ที่ถูกเรียกขานว่า “เสียงผี” ถูกมองว่าเป็นยุทธวิธีที่สร้างสรรค์ในการกดดันฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ต้องใช้กำลังรุนแรงถึงชีวิต ในแง่การทหาร นี่คือตัวอย่างของการใช้ “สงครามไร้กระสุน” (Bloodless Warfare) ที่มุ่งเน้นการทำลายขวัญและกำลังใจของคู่กรณี ผบ.กองกำลังบูรพา ได้ยืนยันหนักแน่นว่า การกระทำทั้งหมดอยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจในดินแดนไทย การตอบสนองที่แข็งกร้าวนี้สอดคล้องกับความคาดหวังของสาธารณะในประเด็นความมั่นคงของชาติ ความท้าทายจากมุมมองสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศ ในอีกด้านหนึ่ง ประเด็นนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชนและสมาชิกวุฒิสภาบางราย โดยมีการตั้งข้อสังเกตจาก นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา ว่าการใช้ปฏิบัติการทางจิตวิทยา โดยเฉพาะการสร้างความหวาดกลัวหรือความกดดันอย่างรุนแรง อาจเข้าข่ายการ “ทรมานทางจิตวิทยา” ตามอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน (Convention Against Torture: CAT) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคี นี่คือประเด็นทางวิชาการที่สำคัญ: การรักษาสมดุลระหว่างอำนาจอธิปไตยกับพันธกรณีระหว่างประเทศ แม้ว่ารัฐจะมีสิทธิและหน้าที่ในการปกป้องพรมแดนอย่างเต็มที่ แต่การกระทำใด ๆ ที่เข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายสากลอาจถูกนำไปขยายผลในเวทีโลกได้ […]

อ่านต่อ

เปิดขบวนการลักลอบแรงงาน! สารภาพรับจ้างขน 9 ชีวิต แค่ 4,500 บาท

ตาก – ปฏิบัติการเข้มข้นตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 6 (ภ.6) สนธิกำลังร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดตาก และทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นขบวนการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลังเกิดเหตุการณ์ขับรถแหกด่านชนรถราชการอย่างอุกอาจ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการร่วม ได้ตั้งด่านสกัดกั้นในพื้นที่ชายแดนอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแม็คซ์ สีเทา ตอนเดียว ติดตั้งคอกเหล็กสูง มีผ้าคลุมปิดทับบริเวณกระบะหลังอย่างมีพิรุธ โดยมีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีเทา ขับนำทางมา เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้หยุดเพื่อทำการตรวจสอบ แต่แทนที่จะให้ความร่วมมือ รถกระบะคันดังกล่าวกลับเร่งเครื่องพุ่งชนเข้ากับรถยนต์ “ทรานฟอร์เมอร์” ของตำรวจสืบสวน ภ.6 จนได้รับความเสียหาย ก่อนจะเร่งความเร็วหลบหนีไปทันที เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงระดมกำลังไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด กระทั่งรถกระบะคันที่หลบหนีได้เสียหลักตกลงไปในพงหญ้าข้างทาง บริเวณเส้นทางบ้านแม่ละเมา หมู่ 2 ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก และสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ จากการตรวจสอบ พบผู้ต้องหาชาวไทย 2 ราย คือ นายชัย อายุ 33 ปี และ นายสุก อายุ 26 ปี […]

อ่านต่อ

วิกฤตการศึกษาไทย 2568: จุดตัด AI, PISA และความเหลื่อมล้ำ ภารกิจยกระดับประเทศให้รอดพ้นจากกับดักยุคดิจิทัล

วงการการศึกษาไทยกำลังยืนอยู่ ณ จุดตัดสำคัญที่ต้องเผชิญกับคลื่นการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในขณะนี้คือ ภารกิจเร่งด่วนในการบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีดิจิทัล เข้าสู่ระบบการเรียนการสอน เพื่อตอบโจทย์การประเมินระดับโลกอย่าง PISA 2025 พร้อมไปกับการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำที่หยั่งรากลึก ข้อมูลจากองค์กรระดับโลกและหน่วยงานภายในประเทศชี้ให้เห็นว่า ความพยายามในการปฏิรูปครั้งนี้ไม่ใช่แค่การปรับปรุงหลักสูตร แต่คือการกำหนดอนาคตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ความท้าทายจากเวทีโลก: PISA 2025 และการเรียนรู้ในโลกดิจิทัล การประเมิน PISA (Programme for International Student Assessment) ซึ่งจัดโดย OECD ถือเป็นมาตรวัดคุณภาพการศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับ ผลการประเมินรอบที่ผ่านมาได้ส่งสัญญาณเตือนอย่างชัดเจนถึง “วิกฤตคุณภาพ” และ “ความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรง” ในกลุ่มนักเรียนไทย โดยข้อมูลจาก PISA ชี้ว่ามีความแตกต่างของคะแนนห่างกันเกือบ 200 คะแนน ระหว่างนักเรียนกลุ่มที่มีโอกาสทางการศึกษามากที่สุดและกลุ่มที่ด้อยโอกาสที่สุด สำหรับ PISA 2025 ซึ่งกำลังจะมาถึง ได้ถูกกำหนดให้เน้นการประเมินทักษะใหม่ที่สำคัญต่อยุคสมัย ได้แก่ “ความฉลาดรู้ด้านวิทยาศาสตร์” และที่สำคัญคือ “การเรียนรู้ในโลกดิจิทัล (Learning in the Digital World)” การประเมินนี้ไม่ได้วัดเพียงความรู้ทางเทคนิค […]

อ่านต่อ

ทุนจีนรุกไทยสู่จุดเปลี่ยนทางเทคโนโลยี-ภูมิรัฐศาสตร์ : มองจากมุมมองเชิงกลยุทธ์ของปักกิ่ง

ในช่วงปี 2568 ประเทศไทยได้กลายเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) และหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดคือ “ทุนจีน” การหลั่งไหลของเงินทุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตทางปริมาณ แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านเชิงคุณภาพและเชิงกลยุทธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หากมองจากมุมมองของปักกิ่ง การลงทุนในไทยในห้วงเวลานี้คือส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อนหลายมิติ ประกอบด้วยการจัดการความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ การขยายห่วงโซ่อุปทานระดับโลก และการผลักดันอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคต บทวิเคราะห์นี้จะเจาะลึกถึงสาเหตุที่ประเทศไทยกลายเป็น “China Plus One Hub” แห่งใหม่ และผลกระทบเชิงกลยุทธ์ต่อทั้งสองประเทศ การปรับฐานของยุทธศาสตร์เศรษฐกิจจีน การตัดสินใจลงทุนในต่างประเทศของจีนถูกขับเคลื่อนด้วยแรงกดดันภายในและภายนอกประเทศ: การรุกคืบในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต: EV คือหัวหอก การลงทุนของจีนในไทยไม่ได้กระจุกตัวในอุตสาหกรรมดั้งเดิม แต่พุ่งเป้าไปที่ เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) และ เทคโนโลยีดิจิทัล นี่คือหัวใจของยุทธศาสตร์จีน: ผลกระทบและข้อกังวลเชิงลึกต่อไทย: โอกาสและความท้าทาย โอกาส: ความท้าทายและข้อกังวล (มุมมองจากนักวิเคราะห์ในไทย): การรุกของทุนจีนในไทย ณ เดือน ต.ค. 2568 คือปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจากฐานการผลิตแบบดั้งเดิมไปสู่ฐานเทคโนโลยีขั้นสูง เป็นทั้งโอกาสทองในการอัพเกรดอุตสาหกรรมและคำเตือนให้รัฐบาลไทยต้องสร้างสมดุลระหว่างการเปิดรับการลงทุนและการปกป้องผลประโยชน์ของชาติและผู้ประกอบการท้องถิ่น. อ่านข่าวอื่น ๆ :

อ่านต่อ