ในยุคที่อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของไทยสูงเกือบ 90% (อ้างอิง: ECNS, 2025) โลกออนไลน์ได้เปิด “โอกาส” มหาศาลให้แก่เยาวชน แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันได้กลายเป็น “ช่องทาง” ล่าเหยื่อที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ

สถานการณ์ล่าสุดในช่วงปลายปี 2025 ตอกย้ำภาพความน่าสะพรึง เมื่อชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่อย่างปอยเปต (Poipet) ได้กลายเป็น “สนามใหม่” ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่พุ่งเป้ามาที่เด็กและเยาวชนไทย เพื่อหลอกลวงไปเป็นแรงงานทาสในศูนย์สแกม (Scam Compounds)
ปรากฏการณ์ “เด็กหาย” ที่ชายแดนไม่ได้เป็นเพียงข่าวลือ แต่เป็นความจริงที่ผู้ปกครองหลายคนกำลังเผชิญ เมื่อบุตรหลานวัย 17-20 ปี ถูกล่อลวงด้วยข้อเสนอ “งานแอดมิน” หรือ “งานออนไลน์” ที่ให้ผลตอบแทนดีเกินจริง (เช่น 15,000 – 20,000 บาท) ก่อนจะถูกพาข้ามแดนและบังคับให้ทำงานหลอกลวงคนอื่น
TopicThailand วิเคราะห์เจาะลึกถึงรากเหง้าของปัญหา เหตุใดเยาวชนไทยจึงตกเป็นเป้าหมาย และเราจะหยุดยั้งวงจรนี้ได้อย่างไร
ทำไมต้องเป็น “เด็ก” และ “ชายแดนกัมพูชา”?
ขบวนการเหล่านี้ไม่ได้เลือกเป้าหมายแบบสุ่ม แต่เลือก “เยาวชน” เพราะเป็นกลุ่มที่ตอบโจทย์ 3 ประการ:
- ความเปราะบางทางเศรษฐกิจและสังคม: เด็กที่อาจรู้สึกเบื่อหน่ายการเรียน ขาดโอกาส หรือต้องการ “ทางลัด” หาเงินเร็ว เพื่อพิสูจน์ตัวเองหรือแบ่งเบาภาระครอบครัว จะไวต่อข้อเสนอที่ “ง่ายและได้เงินเร็ว” เป็นพิเศษ
 - ความคล่องแคล่วทางดิจิทัล แต่ขาดการรู้เท่าทัน (Digital Literacy): เด็กยุคใหม่ใช้โซเชียลมีเดียคล่องแคล่ว แต่ยังขาดทักษะในการประเมินความเสี่ยงและแยกแยะข้อเสนอจริงออกจากข้อเสนอหลอกลวง (อ้างอิง: CDOTrends) พวกเขาไม่คาดคิดว่าโฆษณางานบน Facebook หรือการชักชวนในแชตกลุ่ม จะนำไปสู่การกักขังหน่วงเหนี่ยว
 - เป็น “เครื่องมือ” ที่สมบูรณ์แบบ: เมื่อถูกหลอกไปแล้ว เด็กเหล่านี้จะถูกบังคับให้ใช้บัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) หรือซิมการ์ดของตนเองในการหลอกลวงผู้อื่น ทำให้พวกเขากลายเป็นทั้ง “เหยื่อ” และ “ผู้กระทำผิด” ในเวลาเดียวกัน ซึ่งยากต่อการดำเนินคดีกับตัวการใหญ่ (อ้างอิง: The Nation, 2025)
 
ส่วน “ชายแดนกัมพูชา” โดยเฉพาะปอยเปต กลายเป็นศูนย์กลางใหม่หลังจากการกวาดล้างอย่างหนักในพื้นที่อื่น (เช่น เมียนมาร์) ปฏิบัติการร่วมไทย-กัมพูชา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ที่บุกทลายอาคารในปอยเปตและช่วยเหลือเหยื่อได้กว่า 215 คน (เป็นคนไทย 109 คน) คือหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด (อ้างอิง: The Diplomat, 2025)
สถิติที่น่าสะพรึง: เยาวชนไทยในวังวนอาชญากรรมไซเบอร์
ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) สะท้อนว่าปัญหานี้รุนแรงเพียงใด:
- เหยื่ออายุน้อย: ในรอบ 1 ปี (พ.ย. 2023 – ต.ค. 2024) กลุ่มผู้เสียหายอายุ ต่ำกว่า 20 ปี มีจำนวนมากถึง 9,800 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 193 ล้านบาท (อ้างอิง: กรมประชาสัมพันธ์, 2024)
 - ประเภทคดี: คดี “หลอกลวงหารายได้พิเศษ” (เช่น งานออนไลน์ปลอม) เป็นประเภทคดีที่คนไทยถูกหลอกลวงมากเป็นอันดับ 2 (อ้างอิง: The Active, 2025)
 
ตัวเลขเหล่านี้ยืนยันว่า เด็กไทยไม่ได้เป็นแค่เป้าหมาย แต่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ถูกโจมตีอย่างหนัก
กลลวง: จาก “งานแอดมิน” สู่ “นรกบนดิน”
รูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อย มักเริ่มต้นง่ายๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย:
- โฆษณาล่อลวง: ใช้โพสต์ “รับสมัครงานแอดมิน” “ทำงานง่าย ได้เงินดี” บน Facebook หรือ TikTok
 - นัดพบและเคลื่อนย้าย: เมื่อเหยื่อติดต่อ จะถูกนัดพบและพาเดินทางไปที่ชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
 - ข้ามแดนและกักขัง: เหยื่อจะถูกนำข้ามแดน (อาจจะผิดกฎหมาย) และถูกพาไปยัง “อาคาร” ที่มีการควบคุมเข้มงวด มีกำแพงสูง มีผู้คุม
 - บังคับทำงานและข่มขู่: ถูกยึดโทรศัพท์ หนังสือเดินทาง และถูกบังคับให้โทรหรือแชตหลอกลวงคนอื่น (คนไทยหรือชาวต่างชาติ) หากทำยอดไม่ได้จะถูกทำร้าย หรือถูกขู่เรียกค่าไถ่จำนวนมหาศาลหากต้องการกลับบ้าน (อ้างอิง: Reuters, 2025)
 
กฎหมายและการบังคับใช้: ไล่ตามทันหรือไม่?
แม้ไทยจะมี พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และการทำงานเชิงรุกของศูนย์ AOC 1441 ที่ช่วยระงับบัญชีม้าและซิมผีได้หลายแสนบัญชี (อ้างอิง: Siam Legal) แต่ความท้าทายคืออาชญากรรมเหล่านี้มี “ฐานปฏิบัติการ” อยู่ต่างประเทศ
รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ของสหรัฐฯ ปี 2023 ระบุชัดว่า ไทยเป็นทั้ง “ประเทศต้นทางและทางผ่าน” สำหรับขบวนการหลอกลวงทางไซเบอร์ (อ้างอิง: Business & Human Rights Resource Centre)
ความร่วมมือระหว่างประเทศจึงเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งเห็นได้จากปฏิบัติการร่วมไทย-กัมพูชา และล่าสุดคือแรงกดดันจากเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ที่เริ่มทำให้รัฐบาลกัมพูชาต้องจริงจังกับการกวาดล้างศูนย์สแกมเหล่านี้มากขึ้น (อ้างอิง: CTV News, US DOJ, ต.ค. 2025)
ทางออก: “วัคซีนดิจิทัล” ต้องฉีดตั้งแต่ที่บ้านถึงโรงเรียน
การช่วยเหลือเหยื่อที่ปลายเหตุเป็นเรื่องยากลำบาก การป้องกันที่ต้นเหตุจึงสำคัญที่สุด:
1. ระดับผู้ปกครอง:
- ต้องพูดคุย: สอบถามลูกหลานเสมอเมื่อพวกเขาพูดถึง “งานออนไลน์” ที่ให้เงินดีเกินจริง
 - ต้องตรวจสอบ: ห้ามเด็ดขาดเรื่องการเดินทางไปชายแดนหรือต่างประเทศเพื่อ “ทำงาน” โดยไม่ผ่านการตรวจสอบที่ชัดเจน
 - ต้องสังเกต: การเปิดบัญชีธนาคารใหม่ๆ หรือการใช้จ่ายเงินที่ผิดปกติของลูกหลาน
 
2. ระดับสถานศึกษา:
- ต้องสอน: บรรจุวิชา “การรู้เท่าทันสื่อ” (Media Literacy) และ “ความปลอดภัยทางไซเบอร์” (Cybersecurity) อย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ภาคทฤษฎี แต่ต้องยกกรณีศึกษาจริง (เช่น ข่าวนี้) มาสอน
 - ต้องเตือน: ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องถึงภัยของ “งานออนไลน์ปลอม”
 
3. ระดับนโยบาย:
- ต้องจริงจัง: เพิ่มการตรวจสอบโฆษณารับสมัครงานออนไลน์ที่เข้าข่ายหลอกลวงบนทุกแพลตฟอร์ม
 - ต้องร่วมมือ: สานต่อความร่วมมือข้ามพรมแดน (ไทย-กัมพูชา-ลาว-เมียนมาร์) เพื่อทลาย “ฐานที่มั่น” ของแก๊งเหล่านี้ ไม่ใช่แค่จับกุม “บัญชีม้า”
 
เด็กไทยในยุคดิจิทัลกำลังยืนอยู่บนเส้นแบ่งบางๆ ระหว่าง “โอกาส” และ “เหยื่อ” หากปราศจาก “เกราะป้องกัน” ที่แข็งแกร่งจากครอบครัว โรงเรียน และกลไกรัฐ พวกเขาจะถูกคลื่นสึนามิสแกมนี้กลืนหายไปอย่างง่ายดาย.

อ่านข่าวอื่น ๆ :
- เด็กไทยยุคดิจิทัล จาก ‘ผู้ล่าฝัน’ สู่ ‘ทาสสแกม’ ในกับดักงานออนไลน์
 - ออริจิ้น-บริทาเนีย ทุบสถิติ! กวาดยอดขาย 1,100 ล้านบาท ในงานบ้านและคอนโดฯ ตอกย้ำผู้นำคอนโดฯ เลี้ยงสัตว์ได้
 - “ณวัฒน์” เดือด! บุกแจ้งความดำเนินคดีทีม Miss Universe (MUO) หลังให้นางงามโปรโมต “คาสิโนออนไลน์” ชี้ผิดกฎหมายไทยร้ายแรง ยืนยัน MGI ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง!
 - ส่อง 50 ขุนพล “ช้างศึกซีเกมส์” ชุดแรก ลุ้นติด 23 คนสุดท้าย สู้ศึกในบ้านปลายปีนี้
 - ศึกชี้ชะตาใครจะคว้าสัญญา ONE? (ONE ลุมพินี 137) กุหลาบดำ VS ปตท.
 

