การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้สร้างความตื่นตัวครั้งใหญ่ให้กับวงการกีฬาและเศรษฐกิจของไทย ด้วยการประกาศว่า การเจรจาต่อสัญญาจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก MotoGP สนามประเทศไทย กับ Dorna Sports สำเร็จลุล่วง และเตรียมนำแผนระยะยาว 5 ปี (ปี 2027–2031) เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 4 พ.ย. นี้

บทความวิเคราะห์เชิงลึกนี้ จะพาไปสำรวจข้อเท็จจริงเบื้องหลังคำกล่าวอ้างเรื่อง “ความคุ้มค่า” ของค่าลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น และเจาะลึกถึง “โมเดล PPP” ที่ภาครัฐเตรียมใช้ดึงภาคเอกชนเข้ามาแบกรับภาระ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความยั่งยืนของ ThaiGP
1.ตรวจสอบความโปร่งใส: ค่าลิขสิทธิ์ “ไม่สูง” จริงหรือไม่?
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ยืนยันว่า แม้ค่าลิขสิทธิ์จะเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ “ไม่สูง” เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ซึ่ง TopicThailand ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์คำกล่าวอ้างนี้
1.1 ตัวเลขทางเศรษฐกิจ: ผลตอบแทนที่เหนือกว่า กกท. ชี้แจงว่า ตลอด 6 ปีของการเป็นเจ้าภาพ MotoGP ไทย ได้สร้าง มูลค่าทางเศรษฐกิจรวมสูงถึง 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งมาจากเม็ดเงินหมุนเวียนในภาคการท่องเที่ยว การจ้างงาน การลงทุน และการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นในจังหวัดบุรีรัมย์ [1] หากเทียบกับข้อมูลในแต่ละปีที่ผ่านมา พบว่า การจัดงาน 1 ครั้ง มีต้นทุนรวม (รวมค่าลิขสิทธิ์) อยู่ที่ราว 400-500 ล้านบาท [2] แต่สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ กว่า 5,000 ล้านบาท [3]
บทวิเคราะห์: อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนที่สูงกว่า 10 เท่า ถือเป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่าของการลงทุนภาครัฐที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ในแง่ของผลประโยชน์สุทธิทางเศรษฐกิจมหภาค การต่อสัญญาจึงแทบไม่มีข้อกังขา
1.2 การเปรียบเทียบค่าลิขสิทธิ์ในเอเชีย การเปรียบเทียบค่าลิขสิทธิ์ (Hosting Fee) ของ MotoGP โดยตรงนั้นทำได้ยากเนื่องจากเป็นข้อมูลที่ Dorna Sports มักสงวนไว้ แต่สามารถประเมินจากมูลค่าตลาดและตัวเลขของกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับเดียวกันได้:
- มาเลเซีย (Sepang) และ อินโดนีเซีย (Mandalika): ทั้งสองประเทศเป็นคู่แข่งสำคัญในเอเชียแปซิฟิก การที่ไทยสามารถต่อรองให้ได้ตำแหน่ง “สนามเปิดฤดูกาล” ถึง 2 ปีซ้อน แสดงให้เห็นว่า ThaiGP มีความโดดเด่นและมูลค่าทางการตลาดที่เหนือกว่าคู่แข่งในภูมิภาค [4] ตำแหน่งนี้เป็นแต้มต่อสำคัญที่ช่วยให้การต่อรองค่าลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น อยู่ใน “เกณฑ์ที่รับได้”
- การเปรียบเทียบกับ F1: เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง เมกะอีเวนต์อย่าง Formula 1 นั้นมีค่าใช้จ่ายลิขสิทธิ์สูงถึง 71 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี (ราว 2,600 ล้านบาท) [5] การที่ MotoGP ไทยสามารถจัดงานได้ด้วยต้นทุนรวมทั้งหมดที่ต่ำกว่า F1 ถึง 5-6 เท่า ย่อมสนับสนุนคำกล่าวที่ว่า “ราคาของประเทศไทยไม่สูง” เมื่อเทียบกับเมกะอีเวนต์ระดับโลก
2.เจาะลึกโมเดล PPP: พลิกภาระให้เป็นโอกาสของเอกชน
ประเด็นที่น่าจับตาที่สุดคือ แผนของ กกท. ที่จะดึง ภาคเอกชนเข้ามาร่วมจัดงานอย่างเป็นรูปธรรมทันที หลังการลงนาม เพื่อลดภาระการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลและกองทุนกีฬา [6] นี่คือการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การบริหารจัดการเมกะอีเวนต์ของไทยเข้าสู่โมเดล Public-Private Partnership (PPP)
2.1 รูปแบบ PPP ที่เป็นไปได้สำหรับ ThaiGP การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนในการจัดงานกีฬาระดับโลกมักมีหลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่เหมาะสมกับ MotoGP ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐาน (สนามช้างฯ) พร้อมอยู่แล้ว อาจเป็น:
| รูปแบบ PPP | คำอธิบาย | บทบาทภาครัฐ (กกท.) | บทบาทภาคเอกชน |
| BOT (Build-Operate-Transfer) | เอกชนรับสิทธิ์บริหารจัดการและจัดหารายได้ทั้งหมดในช่วงสัญญา | สนับสนุนค่าลิขสิทธิ์บางส่วน/สนับสนุนด้านกฎหมายและการประสานงาน | บริหารจัดการงานทั้งหมด, การตลาด, การขายบัตร, และการหาสปอนเซอร์ |
| Service Contract/Management Contract | เอกชนเข้ามารับหน้าที่ด้านการบริหารงานเฉพาะส่วน เช่น การตลาด การประชาสัมพันธ์ หรือการจัดการกิจกรรมเสริม (Side Events) | รับผิดชอบค่าลิขสิทธิ์หลักและโครงสร้างพื้นฐาน | ดำเนินงานด้านการบริการ/การตลาดตามที่ได้รับมอบหมาย |
2.2 ความคาดหวังในการมีส่วนร่วมของเอกชน ภาคเอกชนรายใหญ่ที่อาจเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ได้แก่:
- กลุ่มพลังงานและยานยนต์: ผู้สนับสนุนรายเดิม เช่น บริษัทในกลุ่ม ปตท. (PTT) หรือผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ (Honda, Yamaha) ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการใช้ MotoGP เป็นเวทีทางการตลาด
- กลุ่มท่องเที่ยวและบริการ: โรงแรม สายการบิน หรือบริษัทอีเวนต์รายใหญ่ ที่สามารถต่อยอดการจัดงานไปสู่แพ็กเกจท่องเที่ยวเชิงกีฬา และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกิจกรรมเสริม
ผลกระทบต่อภาระงบประมาณ: หากมีการใช้โมเดล BOT หรือสัมปทานการจัดงานอย่างเต็มรูปแบบ ภาคเอกชนจะเข้ามาแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานส่วนใหญ่ รวมถึงเงินสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์รายปี ซึ่งจะช่วย ลดภาระงบประมาณแผ่นดิน (งบรายปี) และ งบจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
3.Soft Power และ Global Brand Positioning: Beyond 2.4 หมื่นล้าน
การใช้ MotoGP เป็น Soft Power ของประเทศเป็นหัวใจสำคัญที่อยู่เหนือตัวเลขทางเศรษฐกิจ [7]
- ตัวชี้วัดความสำเร็จของ Soft Power:
- การรับรู้แบรนด์ประเทศ (Country Brand Index): การเป็นเจ้าภาพอย่างต่อเนื่องช่วยให้ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ประเทศที่มีภาพลักษณ์เป็น “ศูนย์กลางมอเตอร์สปอร์ต” และ “ประเทศที่มีศักยภาพการจัดงานระดับโลก”
- การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเพื่อชม MotoGP โดยเฉพาะ (ประมาณ 20% ของผู้เข้าชมทั้งหมด) เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงและกระจายรายได้สู่ชุมชน [8]
- การพัฒนาบุคลากรในประเทศ: การจัดการเมกะอีเวนต์ช่วยถ่ายทอดความรู้ด้านการบริหารจัดการกีฬาอาชีพ มาตรฐานสนามแข่ง และเทคโนโลยีให้กับบุคลากรไทยในระยะยาว
สรุป: การต่อสัญญา MotoGP 5 ปี ไม่ได้เป็นเพียงการซื้อลิขสิทธิ์กีฬา แต่เป็นการ ลงทุนเชิงกลยุทธ์ ที่ภาครัฐมั่นใจว่าจะให้ผลตอบแทนทั้งในมิติเศรษฐกิจและการสร้างภาพลักษณ์ประเทศในระยะยาว โดยมี “โมเดล PPP” เป็นกลไกสำคัญในการบริหารความเสี่ยงด้านงบประมาณ และส่งมอบประโยชน์สูงสุดให้กับสาธารณะ
แหล่งอ้างอิง:
- [1] คำกล่าวของ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. (ข้อมูล ณ ต.ค. 2568)
- [2] ข้อมูลค่าใช้จ่ายรวมต่อปี (อ้างอิงช่วงปี 2567-2568) – ACU Pay
- [3] มูลค่าทางเศรษฐกิจที่หมุนเวียนในท้องถิ่นต่อปี (อ้างอิงช่วงปี 2567-2568) – Newin Chidchob / Bangkok Post
- [4] การวิเคราะห์สถานะ “สนามเปิดฤดูกาล” – บทวิเคราะห์ TopicThailand / Dorna Sports
- [5] ข้อมูลประมาณการค่าลิขสิทธิ์ F1 ในมาเลเซีย – SportsPro
- [6] นโยบายของ กกท. ในการดึงภาคเอกชนเข้าร่วม – NationTV
- [7] นโยบาย Sport Tourism และ Soft Power – กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- [8] สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าชม ThaiGP – กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

อ่านข่าวอื่น ๆ :
- วิเคราะห์งบกองทัพ 2568 : เมื่อภูมิรัฐศาสตร์ “แรร์เอิร์ธ” สวนทาง “เงินบริจาค” ที่ชายแดน
- โรบินสันจุดพลุ ‘Jeans All Day, Every Day’! ผนึก 28 แบรนด์ยีนส์ จัดงานใหญ่แห่งปี ‘SUPER JEANS WEEK 2025’ คาดปั๊มยอดขายพุ่ง 10%
- ทำไม? จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถึงยังยากจนต่อเนื่อง – วิเคราะห์ต้นตอ โครงสร้าง และทางรอดเยาวชน
- ลบปัญหา “ภูมิแพ้สัตว์เลี้ยง”! ‘ทองหล่อ-สมิติเวช’ เปิดตัว “One Health Services” ชูแนวคิด “#เลิกแพ้ ไม่เลิกเลี้ยง” ยกระดับคุณภาพชีวิตคนและสัตว์
- เจาะลึก 5 ปี! MotoGP ไทย คุ้มค่า 2.4 หมื่นล้านจริงหรือ? เปิดโมเดล PPP สู่ความยั่งยืน ไม่พึ่งงบรัฐ

