บทวิเคราะห์เชิงลึก: การลาออก ‘วรภัค’ สะท้อนวิกฤตความเชื่อมั่นรัฐบาล? เจาะรอยเชื่อมโยง “สแกมเมอร์กัมพูชา” และผลกระทบต่อระบบการเงินไทย

ในช่วงบ่ายของวันที่ 22 ตุลาคม 2568 นายวรภัค ธัญวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รมช.คลัง) ได้สร้างความประหลาดใจให้กับวงการการเมืองด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ หลังเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 33 วัน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวที่พาดพิงว่าเขามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายการเงินที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติหรือ “สแกมเมอร์” ในประเทศกัมพูชา

แม้ว่านายวรภัคจะยืนยันอย่างหนักแน่นว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็น “ข้อมูลบิดเบือนและเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการทำลายชื่อเสียง” และปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการทุจริต ฉ้อโกง หรือเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ การลาออกโดยอ้างเหตุผลว่า “ไม่ต้องการให้เรื่องส่วนตัวเป็นอุปสรรคต่อภารกิจของรัฐบาล” ยิ่งตอกย้ำถึงแรงกดดันทางการเมืองและสังคมที่รุนแรงเกินกว่าจะเพิกเฉยได้

รอยเชื่อมโยงสู่กัมพูชา: จุดเริ่มต้นของข้อกล่าวหา

ข้อกล่าวหาที่พุ่งเป้ามายังนายวรภัคเริ่มต้นจากการรายงานข่าวที่พาดพิงถึงความเชื่อมโยงกับบริษัทการเงินในกัมพูชา โดยเฉพาะ BIC Bank และ BIC Group ซึ่งมีชื่อของนายวรภัคปรากฏอยู่ในส่วนของ Board Advisory ในเว็บไซต์ของกลุ่มดังกล่าวในช่วงก่อนหน้า (อ้างอิง: The Business Times / Money & Banking Magazine)

  • คำชี้แจงของนายวรภัค: นายวรภัคชี้แจงตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2568 ว่าเขาไม่เคยดำรงตำแหน่งกรรมการ ผู้อำนวยการบริหาร หรือตำแหน่งใด ๆ ใน BIC Group และไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ ความสัมพันธ์มีเพียงการพบปะและให้คำปรึกษาด้านการธนาคารเป็นการทั่วไปเท่านั้น
  • การสอบสวนเบื้องต้น: ก่อนการลาออกเพียงวันเดียว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ขอให้นายวรภัคทำหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าว ซึ่งสะท้อนว่าประเด็นนี้มีความสำคัญในระดับผู้นำรัฐบาล

นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวอ้างจากสื่อต่างประเทศบางสำนักที่เชื่อมโยงถึงการรับเงินในรูปแบบ Cryptocurrency โดยภรรยาของเขาจากเครือข่ายอาชญากรรมจีน-กัมพูชา ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เขาเคยได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบในฐานะคณะทำงานพิเศษตรวจสอบเส้นทางเงินเทาของกระทรวงการคลังด้วยซ้ำ (อ้างอิง: CNA, 22 ต.ค. 2568)

ผลกระทบเชิงวิชาการและการเงิน: ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทย

ในเชิงวิชาการและระบบเศรษฐกิจ การลาออกของรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับ “เงินเทา” หรือ “สแกมเมอร์” ส่งผลกระทบรุนแรงต่อ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ (Investor Confidence) และ ภาพลักษณ์ด้านความโปร่งใส (Transparency Index) ของประเทศ

  • การต่อต้านการฟอกเงิน (AML/CFT): ประเทศไทยมีพันธกรณีระหว่างประเทศในการต่อต้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (AML/CFT) ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงาน เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) การมีชื่อรัฐมนตรีด้านการเงินเข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายที่ต้องสงสัยว่าใช้ช่องทางธนาคารและการซื้อขายหลักทรัพย์ผิดปกติ (อ้างอิง: ThaiPBS, 11 ก.ย. 2568) เป็นสัญญาณอันตรายที่อาจส่งผลให้ประเทศไทยถูกจับตาจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น FATF (Financial Action Task Force) ซึ่งมีอำนาจในการขึ้นบัญชีประเทศที่มีความเสี่ยงด้านฟอกเงินได้
  • สถิติความเสียหาย: ข้อมูลสถิติจากศูนย์ต่อต้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอส.ตร.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในห้วงปี 2567-2568 แสดงให้เห็นว่า ความเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์ในประเทศไทยมีมูลค่า หลายหมื่นล้านบาท และส่วนใหญ่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา การที่ผู้มีอำนาจระดับสูงในกระทรวงการคลัง (ซึ่งมีหน้าที่กำหนดนโยบายและควบคุมระบบการเงิน) ถูกพาดพิง ย่อมทำให้เกิดความกังขาในประสิทธิภาพและความจริงจังในการปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้

หลักฐานทางกฎหมายและการต่อสู้ในชั้นศาล

การที่นายวรภัคประกาศจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจังต่อผู้ที่กล่าวหาและบิดเบือนข้อมูล ถือเป็นกลไกที่สำคัญในการพิสูจน์ความจริงตามหลักนิติธรรม

  • การฟ้องร้องหมิ่นประมาท: การฟ้องร้องเป็นไปเพื่อปกป้องชื่อเสียงและยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง ซึ่งหากมีการฟ้องร้องจริง จะต้องมีการนำหลักฐาน เช่น เอกสารการทำธุรกรรมทางการเงิน บันทึกการประชุม (ถ้ามี) หรือหลักฐานการไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับ BIC Group/BIC Bank อย่างเป็นทางการ มานำเสนอต่อศาล
  • การตรวจสอบโดยรัฐบาล: แม้จะลาออกแล้ว แต่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ปปง., ก.ล.ต.) ยังคงต้องดำเนินต่อไปอย่างโปร่งใสและต่อเนื่อง เพื่อตอบคำถามต่อสังคมว่า มีความพยายามใช้ระบบการเงินของไทยเป็นช่องทางของเงินเทาจริงหรือไม่ และมีเจ้าหน้าที่รัฐหรือนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะอื่นใดหรือไม่

กรณีการลาออกของนายวรภัค ธัญวงศ์ ไม่ใช่แค่ข่าวการเมืองรายวัน แต่เป็น จุดตัดสำคัญ ที่เปิดโปงความเปราะบางของระบบการเมืองและการเงินไทยต่อภัยคุกคามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างชัดเจน

TopicThailand ในฐานะเว็บไซต์ข่าวเชิงวิเคราะห์ จึงควรติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในมิติของการดำเนินคดีทางกฎหมาย และผลการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐบาล เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลที่ ครบถ้วน ชัดเจน รอบด้าน และ ตรวจสอบได้ อันจะนำมาซึ่งความเชื่อมั่นและความโปร่งใสในที่สุด.

อ่านข่าวอื่น ๆ :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *