ปรากฏการณ์การขายออนไลน์ของ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนการยกระดับของตลาดไทย จากการตลาดเชิงคอนเทนต์ (Content Commerce) สู่ การตลาดเชิงความสัมพันธ์ (Relationship Commerce) อย่างแท้จริง โดย MI GROUP ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์สื่อและการตลาด ได้ถอดบทเรียนสำคัญ 10 ข้อ ชี้ให้เห็นว่าในยุคที่เทคโนโลยีและ AI ถูกมองเป็นหัวใจของการตลาด “มนุษย์” ต่างหากคือพลังขับเคลื่อนที่แท้จริง

Human Commerce: เมื่อความเชื่อใจมีค่ามากกว่าอัลกอริทึม
MI GROUP วิเคราะห์ว่า ความสำเร็จของเจนนี่ไม่ได้มาจากแค่การใช้เทคโนโลยี แต่มาจากการสร้าง “ความเชื่อใจ” (Trust Capital) จนกลายเป็นสินทรัพย์ทางธุรกิจ ปรากฏการณ์นี้ตอกย้ำว่า “Human Code” คือสูตรคำนวณใหม่ของการตลาด ที่ขับเคลื่อนด้วยความจริงใจและความรู้สึกที่ผู้บริโภคเชื่อมต่อกับคนขาย โดยมีข้อสังเกตหลักที่น่าสนใจดังนี้ :
1. Live Commerce คือ Performance Arena ใหม่: การขายของเจนนี่พิสูจน์ว่า Live Commerce ไม่ใช่แค่พื้นที่คอนเทนต์ แต่คือสนามประลองประสิทธิภาพที่วัดผลยอดขายได้จริงภายในเวลาจำกัด การใช้พลังการพูดแบบ “Elevator Pitch” ที่สื่อสารตรงจุด สร้างความรู้สึกพลาดไม่ได้ (FOMO) และปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว กำลังจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของ Creator Economy ที่สร้างรายได้จากยอดขายจริงมากกว่าค่ารีวิว
2. หัวใจมนุษย์อยู่เหนือฮาร์ดแวร์ AI: แม้ AI จะสร้างเนื้อหาที่ซับซ้อนได้ แต่ยังขาด “อารมณ์ร่วม” แบบมนุษย์ เจนนี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ “หัวใจ” นำทางก่อนใช้ “ระบบ” ตาม แบรนด์ควรใช้ AI เพื่อ “ขยายความเข้าใจมนุษย์” ไม่ใช่ทดแทนมนุษย์ การสื่อสารที่จริงใจและตรงใจจึงเป็นรากฐานของการเติบโตที่ยั่งยืน
3. พลังเชื่อมโยง (Collective Influence): การที่เพื่อนดาราหรือคนใกล้ชิดเข้าร่วมไลฟ์ไม่ได้มีแค่สีสัน แต่เป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือผ่านพลังเครือข่ายความหลากหลายของมุมมอง เพราะไม่มีใครเชี่ยวชาญทุกเรื่อง การสร้าง Influence Ecosystem ที่น่าเชื่อถือ ย่อมดีกว่าการพึ่งพาอินฟลูเอนเซอร์รายเดียว
4. Gen Connect ต้องการความจริง: ผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Z และ Millennial อายุ 18-34 ปี) โดยเฉพาะผู้หญิงกว่า 70% ให้ค่ากับ “ความเป็นตัวตนที่แท้จริง” (Authenticity) มากกว่าภาพลักษณ์ที่ประดิษฐ์ขึ้น นักการตลาดจึงต้องเปลี่ยนจาก “Brand Messaging” เป็น “Human Dialogue” สื่อสารอย่างเท่าเทียม จริงใจ และไม่ยัดเยียด
5. จังหวะ (Momentum) สร้างความหมาย: ความเร็วในการเข้าถึงกระแสสำคัญ แต่ “การรู้จังหวะเข้า-ออก” หรือการ “รู้เมื่อควรเบรก” เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือยิ่งสำคัญกว่า ในยุค Real-time Marketing การรู้จังหวะหยุดพัก (Pause) มีความหมายเท่ากับการผลักดัน (Push) เพราะแบรนด์ที่ดีต้องเล่นกับจังหวะอย่างมีศิลปะ
บทสรุป: การตลาดยุคใหม่ต้องมีทั้ง Emotion และ Intelligence
กรณีศึกษาของเจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ชี้ให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากดราม่าเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการบริหาร “อารมณ์” ควบคู่ไปกับ “กลยุทธ์การขาย” และ “ข้อมูล” อย่างเป็นระบบ (Emotion x Intelligence)
MI GROUP สรุปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือการตอกย้ำว่าโลกการตลาดไม่เคยหลุดพ้นจาก “Human-Driven Marketing” สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ “การใช้ใจเข้าใจผู้คน ใช้ความจริงใจสร้างความเชื่อใจ และใช้หัวใจสร้างยอดขายอย่างมีความหมาย” ดังนั้น ความสำเร็จต่อจากนี้ต้อง “ใช้หัวใจในการเข้าใจมนุษย์ให้ลึกกว่าเดิม” ควบคู่ไปกับการเข้าใจเทคโนโลยี (แหล่งอ้างอิง: Keys Take Away by MI GROUP – ข้อมูลและบทวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์).

อ่านข่าวอื่น ๆ :
- บริทาเนีย แท็กทีม KBank-ttb-KTB ออกโปรฯ เด็ด: สินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี! โอกาสทองคนอยากมีบ้าน
- ดัชมิลล์ผนึกกรมส่งเสริมสหกรณ์! เปิดแคมเปญ ‘FRESH FROM FARM’ ชู ‘นมโคแท้มีที่มา’ ยกระดับทั้งฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร
- ข้อมูลคุณปลอดภัยแค่ไหน? NTT DATA-Fortanix ผนึกกำลัง! ปล่อย Cryptography-as-a-Service ปิดช่องโหว่ AI และยุค Post-Quantum
- “เปิดศึกโซเชียล: ‘กัน จอมพลัง’ ปะทะ ‘ไอซ์ รักชนก’ (พรรคประชาชน) สะท้อนความโปร่งใสเงินบริจาค-ประเด็นการเมืองสกปรก ในวิกฤตสแกมเมอร์ชายแดนไทย-กัมพูชา”
- เปิดมิติใหม่ SEA Games 2025! ทำไมไทยถึงเลือก กทม.-ชลบุรี-สงขลา เป็น 3 เจ้าภาพหลัก?