การเลื่อนโต๊ะเจรจาชายแดนไทย-กัมพูชา: สัญญาณความไม่แน่นอนในการคลี่คลายวิกฤต

การตัดสินใจของกองทัพภาคที่ 2 ของไทยที่ประกาศเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ครั้งพิเศษกับฝ่ายกัมพูชาอย่างไม่มีกำหนด เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2568 นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงความไม่แน่นอนในการคลี่คลายวิกฤตความขัดแย้งตามแนวชายแดนที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 ประเด็นนี้ไม่ได้เป็นเพียงการปรับเปลี่ยนตารางการประชุม แต่เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความท้าทายเชิงยุทธศาสตร์และการทูตที่ทั้งสองประเทศยังต้องเผชิญในการเปลี่ยนผ่านจากสถานการณ์ปะทะไปสู่การรักษาสันติภาพที่ยั่งยืน

ภูมิหลัง: ความตึงเครียดและข้อตกลงที่ไม่คืบหน้า

วิกฤตการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในปี 2568 ได้ยกระดับความตึงเครียดไปสู่การปะทะด้วยอาวุธหนักหลายครั้ง โดยมีชนวนจากประเด็นเขตแดนทับซ้อนและการกล่าวหาเรื่องการละเมิดอธิปไตย แม้ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและตกลงในหลักการที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อเดือนกันยายน ว่าจะดำเนินการถอนอาวุธหนักและเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ตามแนวชายแดน (ที่มา: รายงานการประชุม GBC เดือนกันยายน)

อย่างไรก็ตาม แผนการลดความตึงเครียดดังกล่าวได้ถูกตอกย้ำด้วยกำหนดการประชุม RBC ในห้วงวันที่ 15-17 ตุลาคม ที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งถูกมองเป็นขั้นตอนปฏิบัติการสำคัญในการลงรายละเอียดภาคสนาม

สาเหตุของการเลื่อน: “ความไม่เป็นรูปธรรม” ในข้อเสนอของกัมพูชา

ฝ่ายไทยโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ออกแถลงการณ์อย่างชัดเจนว่า สาเหตุของการเลื่อนมาจากฝ่ายกัมพูชาไม่สามารถนำเสนอแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม (Concrete Proposal) เกี่ยวกับการถอนอาวุธหนักและขอบเขตการเก็บกู้ทุ่นระเบิดได้ตามข้อตกลง GBC (ที่มา: แถลงการณ์กองทัพภาคที่ 2, 15 ต.ค. 2568)

ในมุมมองเชิงวิเคราะห์ สาเหตุนี้อาจถูกตีความได้หลายประการ:

  1. ความลังเลทางยุทธศาสตร์: ฝ่ายกัมพูชาอาจมีความลังเลในการเปิดเผยข้อมูลตำแหน่งอาวุธหนักหรือการกำหนดเขตแดนที่ละเอียดอ่อน เนื่องจากการถอนกำลังอาจถูกมองว่าเป็นการลดทอนความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในพื้นที่พิพาท
  2. ปัญหาภายใน/การประสานงาน: ความล่าช้าอาจเป็นผลมาจากปัญหาการประสานงานภายในของฝ่ายกัมพูชาเองในการจัดทำแผนงานที่สอดคล้องกับข้อตกลงในระดับสูง (GBC) ให้เป็นแผนปฏิบัติการในระดับภูมิภาค (RBC)
  3. การใช้การทูตเป็นเครื่องมือต่อรอง: การไม่ส่งมอบแผนที่ชัดเจนอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการทูต เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อแลกเปลี่ยนอื่น ๆ ก่อนที่จะยอมผ่อนปรนในประเด็นทางทหาร

ผลกระทบทางสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง

การเลื่อนการประชุม RBC ส่งผลกระทบที่ซับซ้อนต่อหลายมิติ:

  • มิติความมั่นคงและการทหาร: ความเสี่ยงของการปะทะประปรายยังคงอยู่ ตราบใดที่อาวุธหนักยังคงประจำการอยู่ในแนวหน้า และทุ่นระเบิดยังไม่ถูกเก็บกู้ ข้อมูลสถิติผู้ได้รับผลกระทบสะสมจนถึงต้นเดือนตุลาคม 2568 ชี้ว่า มีพลเรือนไทยเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 39 ราย และทหารเสียชีวิต 18 นาย บาดเจ็บ 274 นาย ซึ่งเป็นต้นทุนของความขัดแย้งที่สูงมาก (ที่มา: กรมประชาสัมพันธ์, 2 ต.ค. 2568) การเลื่อนการประชุมเท่ากับเป็นการยืดเวลาความเสี่ยงนี้ออกไป
  • มิติเศรษฐกิจและการค้าชายแดน: แม้การค้าขายตามจุดผ่านแดนหลักบางแห่งยังคงดำเนินการภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด แต่ความตึงเครียดที่ยังคงอยู่ย่อมส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้ค้าชายแดน การจำกัดการข้ามผ่านแดนในหลายจุดยังคงเป็นอุปสรรคต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของไทย (ที่มา: TAT Newsroom, 15 ก.ย. 2568)
  • มิติการทูตและความน่าเชื่อถือ: การตัดสินใจของไทยในการเลื่อนการประชุมเพื่อ “รักษาความน่าเชื่อถือของข้อตกลง” ถือเป็นการส่งสารไปยังประชาคมโลกว่า ไทยยึดมั่นในหลักการเจรจาที่เป็นไปตามกติกาและต้องการผลลัพธ์ที่เป็นจริง ไม่ใช่เพียงแค่การประชุมเชิงสัญลักษณ์

ทางออกและวิเคราะห์แนวโน้ม

การเลื่อนการประชุมนี้ทำให้เกิดภาวะชะงักงันทางการทูตในระดับภูมิภาค แต่ไม่ใช่การยกเลิกทั้งหมด แนวโน้มในระยะถัดไปคือ:

  1. การกดดันทางการทูต: ไทยจะเพิ่มแรงกดดันเพื่อให้กัมพูชาส่งมอบแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนผ่านช่องทางการทูตอื่น ๆ เช่น คณะกรรมการ GBC หรือช่องทางทวิภาคีที่ไม่เป็นทางการ
  2. การเฝ้าระวังทางทหาร: กองทัพไทยยังคงต้องเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาอย่างเข้มงวดต่อไป โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ตามแนวชายแดน (ที่มา: รายงานกองทัพภาคที่ 2, 10 ต.ค. 2568)
  3. การใช้พลังอำนาจที่รอบด้าน: รัฐบาลไทยจำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างบูรณาการ ทั้งด้านการทหารเพื่อป้องกันอธิปไตย, ด้านการทูตเพื่อเจรจา และด้านเศรษฐกิจเพื่อรักษาเสถียรภาพการค้าชายแดน โดยมุ่งเน้นที่การบรรลุเป้าหมายหลักคือ “การถอนอาวุธหนักจริง” และ “การเก็บกู้ทุ่นระเบิดจริง” เพื่อให้เกิดสันติภาพที่แท้จริง

การคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะไม่เกิดขึ้นด้วยการประชุมเพียงครั้งเดียว แต่ต้องอาศัยความจริงใจและการปฏิบัติตามพันธกรณีของทั้งสองฝ่าย การเลื่อนการประชุม RBC จึงเป็นเหมือนการย้ำเตือนว่าเส้นทางสู่สันติภาพยังคงยาวไกลและเต็มไปด้วยอุปสรรคที่ต้องแก้ไขด้วยความรอบคอบและเด็ดขาด.

สั่งซื้อน้ำหอมทุกขนาด ได้ที่นี่

อ่านข่าวอื่น ๆ :

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *