วิกฤตการณ์เงียบ… การท่องเที่ยวไทยปี 2568 บนความเสี่ยง “ตลาดหลักหดตัว”

ภายใต้ภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความคึกคักและการคาดการณ์เชิงบวก ภาคการท่องเที่ยวของไทยในปี 2568 กำลังเผชิญกับ “วิกฤตการณ์เงียบ” ที่คุกคามเป้าหมายการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว แม้ว่าในช่วงวันหยุดยาวสำคัญอย่าง Golden Week ของจีนจะมีการคาดการณ์ตัวเลขที่น่าพอใจ แต่การประเมินเชิงลึกจากสถาบันวิจัยชั้นนำกลับส่งสัญญาณเตือนถึงภาวะที่น่ากังวล: ตลาดนักท่องเที่ยวหลักของไทยกำลังหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมปัจจัยลบทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่รุมเร้า

ภาพลวงตาของความสำเร็จและการส่งสัญญาณเตือนจากสถาบันวิจัย

รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต่างแสดงความมั่นใจอย่างต่อเนื่อง โดยมีการขอบคุณและเน้นย้ำถึงความสำเร็จในการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ และการใช้มาตรการกระตุ้นอย่าง “ฟรีวีซ่า” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วงสั้น ๆ (ที่มา: กรมประชาสัมพันธ์, ททท.) อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) ในช่วงกลางปี 2568 ได้สร้างความตื่นตัวด้วยการส่งสัญญาณเตือนว่า ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยอาจเผชิญกับปัจจัยลบหลายด้าน จนอาจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวรวมทั้งปี หดตัวลงถึง 2.8% เมื่อเทียบกับปี 2567 หรือคิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่อาจเหลือเพียง 34.5 ล้านคน ซึ่งถือเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี (ที่มา: บทวิเคราะห์ KResearch 16 พ.ค. 2568)

การคาดการณ์นี้สวนทางกับความหวังของหลายฝ่ายที่ต้องการให้ภาคการท่องเที่ยวเป็นกลไกหลักในการฉุดเศรษฐกิจให้พ้นจากภาวะซบเซา

ปัจจัยลบเชิงลึกที่กัดกร่อนตลาดหลัก

KResearch ชี้ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเสี่ยงที่จะหดตัว มาจากการชะลอตัวของ ตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออก ซึ่งเป็นตลาดที่สร้างสถิติการเดินทางเข้ามาในไทยสูงสุดในอดีต แต่กำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ และการปรับลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตัวอย่างการหดตัวในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 เช่น:

  • จีน: แม้มีการกระตุ้นด้วยฟรีวีซ่า แต่ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้การเดินทางโดยรวมยังคงมีความผันผวน
  • มาเลเซียและเกาหลีใต้: เป็นอีกตลาดสำคัญที่มีการหดตัวอย่างชัดเจน เนื่องจากผู้บริโภคปรับลดค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่ไม่จำเป็น

ในทางกลับกัน นักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล เช่น ยุโรป อเมริกา และเอเชียใต้ กลับมีแนวโน้มขยายตัว (ยุโรปคาดการณ์เติบโตถึง 15.0% YOY และเอเชียใต้ 14.4% YOY) แต่การเติบโตของตลาดเหล่านี้ ไม่สามารถชดเชยการหดตัว ของตลาดหลักในเอเชียตะวันออกและอาเซียนได้ทั้งหมด (ที่มา: บทวิเคราะห์ KResearch 12 ก.ย. 2568)

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจระดับฐานราก

ปัญหาการหดตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวเลขสถิติ แต่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจระดับฐานรากและผู้ประกอบการรายย่อย ดังที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดเผยในบทวิเคราะห์ล่าสุด (6 ต.ค. 2568) โดยระบุว่า ภาวะที่ “จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง” ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายของผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ท่องเที่ยวและเมืองหลักอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ การแข่งขันในตลาดที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก การเข้ามาค้าขายของคนต่างชาติในรูปแบบหาบเร่แผงลอย ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันผู้ประกอบการไทยรายเล็ก ๆ ให้ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ภาครัฐต้องเร่งเข้าไปแก้ไข (ที่มา: บทความ ธปท. 6 ต.ค. 2568)

ทิศทางการปรับกลยุทธ์: จาก “จำนวน” สู่ “คุณภาพ” และ “ความยั่งยืน”

ท่ามกลางสัญญาณเตือนเหล่านี้ ภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องทบทวนกลยุทธ์การท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน การพึ่งพามาตรการกระตุ้นระยะสั้น เช่น การขยายวีซ่า หรือโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” (ที่มา: Thai PBS) เพื่อกระตุ้นตลาดในประเทศในช่วง Low Season อาจช่วยประคองสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาระยะยาว

ทิศทางที่ควรให้ความสำคัญคือ:

  1. เน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพ (High-End): รัฐบาลต้องต่อยอดความสำเร็จจากนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวระดับพรีเมียม และการอำนวยความสะดวกสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายสูงอย่างต่อเนื่อง (การใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อทริปในกลุ่มไฮเอนด์สูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก)
  2. กระจายการท่องเที่ยวสู่เมืองรอง: การส่งเสริมโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่ให้สิทธิประโยชน์สูงกว่าในเมืองรอง (รัฐสนับสนุนร้อยละ 50 ในเมืองรอง เทียบกับร้อยละ 40 ในเมืองหลัก) เป็นแนวทางที่ดีในการกระจายรายได้และลดความแออัดในเมืองหลัก
  3. การจัดการปัญหาเชิงโครงสร้าง: รัฐบาลต้องเร่งจัดการปัญหาด้านความปลอดภัย ความสะอาด และการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในตลาดโลกอย่างยั่งยืน

การท่องเที่ยวไทยในปี 2568 กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แม้ตัวเลขรายได้รวมยังคงดูดี แต่การหดตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดหลักเป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่อาจมองข้าม หากภาครัฐและเอกชนไม่เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ความหวังที่จะให้การท่องเที่ยวเป็นกลไกหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

แหล่งอ้างอิงที่ต้องแนบเพื่อความสมบูรณ์และเป็นหลักฐานทางกฎหมาย:

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch): บทวิเคราะห์เรื่อง “ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยเผชิญหลายปัจจัยลบ คาดทั้งปี 2568 หดตัว 2.8%…” เผยแพร่ 16 พ.ค. 2568 และบทวิเคราะห์ “KResearch ชี้ต่างชาติเที่ยวไทยปี 2568 เสี่ยงหดตัว 9%…” เผยแพร่ 12 ก.ย. 2568
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.): บทความ/รายงาน เรื่อง “เติบโต แต่ไม่ทั่วถึง: เศรษฐกิจไทยในมุมของครัวเรือนฐานราก” (อ้างอิงข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงและกระทบผู้ค้ารายย่อย) เผยแพร่ 6 ต.ค. 2568
  • Thai PBS: ข่าวเรื่อง “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 รัฐจ่าย 50% เริ่ม มิ.ย. ลุยเที่ยวโลว์ซีซัน” เผยแพร่ 15 พ.ค. 2568 (อ้างอิงมาตรการกระตุ้น)
สั่งสินค้าได้ที่นี่

อ่านข่าวอื่น ๆ :

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *