รื้อคดี “แตงโม” ไปถึงไหน?

กระแสเงียบหายไปพักใหญ่ๆ สำหรับข่าวการรื้อคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงษ์ ที่กลุ่มของ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, คุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ และ คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้ติดตามและดำเนินการเพื่อรื้อคดี

คดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม ในส่วนของคดีหลักที่เกี่ยวกับคนบนเรือนั้นได้มีคำพิพากษาของศาลจังหวัดนนทบุรีออกมาแล้ว โดยศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยบางรายในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขณะที่ “คุณแม่ภนิดา” ได้ตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์คดี และระบุว่าลูกสาวได้รับความยุติธรรมแล้ว อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาคือการที่ภาคประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มของ อ.ปานเทพ, คุณอัจฉริยะ และคุณณวัฒน์ ได้ร่วมกันรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ โดยมุ่งเป้าไปที่การตั้งข้อสังเกตและรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นเรื่องต่อ DSI ให้รับเป็นคดีพิเศษ

ความคืบหน้าจากฝั่งภาคประชาชน: การรื้อคดี

  • การรวมตัวและจุดยืน: อ.ปานเทพ, คุณอัจฉริยะ, และคุณณวัฒน์ ได้รวมตัวกันอย่างเป็นทางการ โดยมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าการเสียชีวิตของแตงโมไม่ใช่เรื่องของอุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรม หรืออย่างน้อยก็มีเจตนาบางอย่างที่ทำให้เกิดการเสียชีวิต ซึ่งมีการพยายามปกปิดความจริงและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม
  • การรวบรวมหลักฐานเชิงลึก:
    • อ.ปานเทพ ได้นำเสนอหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์และข้อเท็จจริงทางกายภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการวิเคราะห์บาดแผลบนร่างกายของคุณแตงโมที่ไม่สอดคล้องกับการตกจากท้ายเรือและการโดนใบพัดเรือเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอหลักฐานจาก GPS และข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ ที่ชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติของคำให้การ
    • คุณอัจฉริยะ ยังคงใช้แนวทางเชิงสืบสวนและรวบรวมหลักฐานจากพยานบุคคล โดยมีการออกมาเปิดเผยข้อมูล “หนอนบ่อนไส้” หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมที่อาจมีส่วนในการบิดเบือนคดี และยืนยันว่ามีหลักฐานเด็ดที่สามารถนำไปสู่การเอาผิดในข้อหาฆาตกรรมได้
    • คุณณวัฒน์ ได้ใช้พลังขององค์กรมิสแกรนด์ในการขับเคลื่อน โดยเป็นผู้รวบรวมทีมมิสแกรนด์จาก 77 จังหวัดไปยื่นเรื่องต่อ DSI เพื่อให้รับคดีเป็นคดีพิเศษ และยังร่วมกับการจำลองเหตุการณ์เพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยต่างๆ
  • การจำลองเหตุการณ์: ในช่วงต้นปี 2568 (มกราคม) กลุ่มของ อ.ปานเทพ และคุณณวัฒน์ ได้จัดจำลองเหตุการณ์การตกเรือ โดยมีเจ้าหน้าที่ DSI เข้าร่วมสังเกตการณ์ เพื่อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการตกจากท้ายเรือและบาดแผลจากใบพัด ซึ่งผลการจำลองได้ถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของ DSI

ความคืบหน้าจากฝั่งหน่วยงานรัฐ: DSI

  • การรับเรื่องเข้าสู่กระบวนการสืบสวน: จากการยื่นเรื่องของกลุ่มภาคประชาชน DSI ได้มีคำสั่งอนุมัติให้ทำการสืบสวนคดีการเสียชีวิตของแตงโมอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปี 2568 เพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
  • การสืบสวนเชิงลึก: DSI ได้ตั้งทีมสืบสวนและเริ่มกระบวนการสอบปากคำพยานบุคคลสำคัญ รวมถึงบุคคลที่ให้ข้อมูลเชิงลึก เช่น “เบิร์ด เทคนิค” อดีตแฟนหนุ่มของคุณแตงโม
  • การลงพื้นที่ตรวจสอบ: เจ้าหน้าที่ DSI ได้ลงเรือไปตรวจสอบในพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติมตามข้อสงสัยที่ภาคประชาชนได้ให้ไว้ โดยเน้นตรวจสอบใน 8 จุดที่ต้องสงสัย
  • สถานะปัจจุบัน: DSI ยังคงอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนเพื่อรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วนก่อนจะพิจารณาว่าจะรับคดีนี้เป็น “คดีพิเศษ” อย่างเป็นทางการหรือไม่ แม้ว่าในระหว่างนี้จะมีข่าวการเลื่อนประชุมหรือการที่เจ้าหน้าที่ติดภารกิจอื่น แต่ DSI ก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าตรวจสอบตามกรอบที่วางไว้ และมีข่าวว่าได้ข้อมูลลับบางอย่างที่อาจจะนำไปสู่การแถลงข่าวใหญ่ในอนาคต

แม้ว่ากระแสข่าวจากคดีหลักที่ศาลตัดสินไปแล้วจะเงียบหายไป แต่ในแง่ของกระบวนการรื้อฟื้นคดีนั้นยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีกลุ่มของ อ.ปานเทพ, คุณอัจฉริยะ และคุณณวัฒน์ เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนและหาหลักฐานใหม่ๆ เพื่อยื่นเรื่องให้ DSI ซึ่งปัจจุบัน DSI ได้รับเรื่องไว้เพื่อทำการสืบสวนเชิงลึกแล้ว โดยต้องติดตามต่อไปว่าการสืบสวนของ DSI จะนำไปสู่การรับเป็นคดีพิเศษ และมีการดำเนินคดีใหม่ในที่สุดหรือไม่?

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 นายปานเทพได้โพสต์ข้อความระบุว่า คดีแตงโมไม่ได้เงียบหายไปไหน และความจริงกำลังจะปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน โดยมีการดำเนินการคัดเอกสารคดีจากศาลร่วมกับคุณแม่ของแตงโม เพื่อตรวจสอบและเรียงลำดับเอกสารให้ถูกต้องต่อไป

นัยสำคัญของการคัดเอกสารคดีจากศาล

การที่ อ.ปานเทพและทีมงานตัดสินใจคัดเอกสารจากศาลที่ใช้ในการตัดสินคดีหลักนั้น ไม่ใช่เรื่องปกติ และบ่งชี้ถึงการดำเนินการในเชิงลึกอย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้:

1. การหาหลักฐานใหม่เพื่อใช้ในการรื้อคดี:

  • หลักฐานเชิงลึก: แม้คดีจะมีการพิจารณาไปแล้ว แต่เอกสารในสำนวนคดีของศาลทั้งหมดถือเป็น หลักฐานทางกฎหมาย ที่มีน้ำหนักสูงสุด
  • การวิเคราะห์ใหม่: การนำเอกสารดังกล่าวมาตรวจสอบและเรียงลำดับใหม่ทั้งหมด อาจทำให้อาจารย์ปานเทพและทีมงานพบ ช่องโหว่ หรือ ความไม่สอดคล้อง บางอย่างที่ถูกมองข้ามไปในกระบวนการพิจารณาคดีครั้งแรก
  • ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง: เอกสารเหล่านี้จะถูกใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงที่แข็งแกร่งที่สุดในการยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้รับเป็นคดีพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อต้องชี้ให้เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับการบิดเบือนคดี

2. การยกระดับการทำงานสู่กระบวนการที่เข้มข้นยิ่งขึ้น:

  • ไม่ใช่แค่การแถลงข่าว: การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การออกมาให้ข่าวหรือตั้งข้อสงสัยเหมือนที่ผ่านมา แต่เป็นการลงมือ ทำงานเชิงรุกในกระบวนการยุติธรรม โดยใช้เอกสารจากศาลเป็นฐานข้อมูลหลัก
  • การเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป: การคัดเอกสารจากศาลบ่งชี้ว่าทีมงานของ อ.ปานเทพ, คุณอัจฉริยะ, และคุณณวัฒน์ กำลังเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป เช่น การยื่นฟ้องร้องต่อศาลในคดีใหม่ หรือการนำเสนอหลักฐานแก่ DSI เพื่อให้เกิดการสืบสวนอย่างเป็นทางการในข้อหาที่ร้ายแรงกว่าเดิม

3. ความร่วมมือกับคุณแม่ภนิดา:

  • ความเห็นที่สอดคล้องกัน: การที่คุณแม่ภนิดาร่วมมือกับทีมของ อ.ปานเทพ ในการคัดเอกสารคดี เป็นการแสดงให้เห็นถึง ความเห็นที่สอดคล้องกัน และเป็นการยืนยันว่าคุณแม่ยังคงต้องการความจริงในเรื่องนี้อยู่ แม้จะเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่ติดใจคดีแล้วก็ตาม
  • การเพิ่มความน่าเชื่อถือ: ความร่วมมือนี้ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน และเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่นั้นเป็นไปเพื่อหาความยุติธรรมให้กับแตงโมอย่างแท้จริง

การโพสต์ของ อ.ปานเทพในครั้งนี้จึงมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง เพราะแสดงให้เห็นว่าการรื้อฟื้นคดีไม่ได้หยุดอยู่แค่การตั้งข้อสงสัย แต่ได้ก้าวเข้าสู่ ขั้นตอนการทำงานเชิงลึกในทางกฎหมาย ที่ใช้เอกสารจากศาลเป็นเครื่องมือหลักในการหาความจริง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะนำไปสู่การเปิดเผยหลักฐานใหม่ที่สามารถใช้เป็นฐานในการดำเนินคดีใหม่ หรือการรับคดีโดย DSI ในอนาคต.

อ่านข่าวอื่น ๆ :

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *