
ในห้วงเวลาที่หลายจังหวัดในประเทศไทยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักซึ่งผู้คนรู้จักกันอย่างกว้างขวาง “บึงกาฬ” จังหวัดน้องใหม่ที่สุดของประเทศกลับค่อยๆ สร้างตัวตนขึ้นมาอย่างเงียบๆ ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของธรรมชาติ วัฒนธรรม และความเรียบง่าย ที่ผสานกับประวัติศาสตร์อันแสนพิเศษ
ประวัติความเป็นมาของจังหวัดบึงกาฬ
จังหวัดบึงกาฬได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554 ถือเป็นจังหวัดลำดับที่ 77 ของประเทศไทย แยกตัวออกมาจากจังหวัดหนองคาย เพื่อให้การบริหารจัดการท้องถิ่นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีพื้นที่ติดแม่น้ำโขงและพรมแดนประเทศลาว เป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
ชื่อ “บึงกาฬ” มาจาก “บึง” ที่แปลว่าทะเลสาบหรือหนองน้ำ และ “กาฬ” ที่หมายถึง สีดำ ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะของแหล่งน้ำใหญ่ในพื้นที่ที่มีความลึกและมีน้ำสีเข้ม จนกลายเป็นที่มาของชื่อจังหวัด
คำขวัญประจำจังหวัด : ภูทอกแหล่งพระธรรม ค่าล้ำยางพารา งามตาแก่งอาฮง บึงโขงหลงเพลินใจ น้ำตกใสเจ็ดสี ประเพณีแข่งเรือ เหนือสุดแดนอีสาน นมัสการหลวงพ่อใหญ่ ศูนย์รวมใจศาลสองนาง
จุดเด่นของจังหวัดบึงกาฬ
1. ภูมิประเทศธรรมชาติหลากหลาย
บึงกาฬมีความพิเศษที่สามารถผสมผสานทั้งที่ราบสูง ภูเขาหินทราย หนองบึง และแม่น้ำโขงได้อย่างลงตัว ทั้งยังมี “ภูลังกา” และ “ภูทอก” เป็นสัญลักษณ์แห่งความสง่างามของธรรมชาติอีสานเหนือ
2. วัฒนธรรมท้องถิ่นที่เข้มแข็งและเรียบง่าย
ชุมชนในบึงกาฬยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบอีสานแท้ๆ การทอผ้าไหม พิธีกรรมพื้นบ้าน การละเล่น และประเพณีบุญเดือนต่างๆ ยังถูกสืบทอดอย่างต่อเนื่อง
3. ศักยภาพชายแดนกับประเทศลาว
การมีด่านพรมแดนที่อำเภอบึงกาฬ ซึ่งเชื่อมต่อกับแขวงบอลิคำไซ ประเทศลาว ทำให้บึงกาฬกลายเป็นประตูเศรษฐกิจแห่งใหม่ และมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระหว่างไทย-ลาว-เวียดนามในอนาคต
จุดด้อยและความท้าทายที่ต้องเร่งพัฒนา
แม้บึงกาฬจะเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและศักยภาพด้านการท่องเที่ยว แต่ก็ยังประสบปัญหาหลายด้าน เช่น
– โครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่ทั่วถึง
ถนนบางเส้นทางยังไม่สะดวกสบาย โดยเฉพาะเส้นทางขึ้นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
– การขนส่งสาธารณะที่ยังไม่ครอบคลุม
การเข้าถึงบึงกาฬจากจังหวัดใหญ่ๆ ยังต้องพึ่งพารถยนต์ส่วนตัว ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่มากเท่าศักยภาพที่มี
– การประชาสัมพันธ์ที่ยังไม่กว้างขวาง
สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งของบึงกาฬยังไม่เป็นที่รู้จักในระดับประเทศ ทำให้ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร
สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของบึงกาฬ ที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต
1. ภูทอก (วัดเจติยาคีรีวิหาร)

แลนด์มาร์กสำคัญของบึงกาฬ ภูเขาหินทรายที่มีสะพานไม้เวียนรอบภูสูงถึง 7 ชั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นสู่ยอดเขาเพื่อชมวิวแบบ 360 องศา มองเห็นแม่น้ำโขงและธรรมชาติโดยรอบได้อย่างงดงามตระการตา
2. บึงโขงหลง

ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่เงียบสงบและอุดมสมบูรณ์ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ และยังเป็นแหล่งนกอพยพในฤดูหนาว เหมาะสำหรับการพักผ่อนและปั่นจักรยานรอบบึง
3. น้ำตกถ้ำพระ

น้ำตกที่ไหลลงมาจากภูเขาหินทราย บนภูลังกา เส้นทางเดินป่าที่ล้อมด้วยป่าเต็งรังและธรรมชาติบริสุทธิ์ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสายผจญภัย
4. หินสามวาฬ

ก้อนหินขนาดยักษ์ที่มีรูปร่างเหมือนครอบครัววาฬพ่อแม่ลูก ตั้งอยู่บนภูลังกา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ได้รับความนิยมมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
5. ถ้ำนาคา

ตำนานพญานาคกลางขุนเขา
หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสุดลึกลับที่กำลังเป็นกระแส “ถ้ำนาคา” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูลังกา มีลักษณะของหินคล้ายเกล็ดพญานาคขนาดมหึมา โอบล้อมด้วยธรรมชาติป่าดิบที่ชุ่มชื้นและสงบงาม เส้นทางเดินขึ้นอาจท้าทายเล็กน้อย แต่เมื่อได้เห็นด้วยตาแล้ว รับรองว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง ทั้งด้วยบรรยากาศ ความศักดิ์สิทธิ์ และพลังของเรื่องเล่าพื้นบ้านที่ยังมีชีวิต
“บึงกาฬ” ยังใหม่ แต่มีความหมาย
แม้จะเป็นจังหวัดน้องใหม่ แต่บึงกาฬกลับเต็มไปด้วยเรื่องราว ความงดงาม และความเป็นไปได้ หากคุณเคยเดินทางท่องเที่ยวมาแล้วทั่วภาคเหนือและอีสาน แต่ยังไม่เคยมาเยือนบึงกาฬ — อาจถึงเวลาที่คุณต้องลองเปิดใจให้จังหวัดเล็กๆ แห่งนี้
บึงกาฬ ไม่เร่งรีบ ไม่หวือหวา แต่เต็มไปด้วยพลังเงียบของธรรมชาติ และเสน่ห์ของผู้คน ที่พร้อมจะทำให้คุณตกหลุมรักในความเรียบง่ายอย่างแท้จริง