จำคุก 2 อดีตอัยการ คดีเปลี่ยนความเร็ว “บอส ลูกกระทิงแดง” ส่วน “สมยศ” ยังต้องสู้ที่ศาลสูงต่อ

กรุงเทพฯ – 22 เมษายน 2568 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 131/2567 และคดีหมายเลขแดงที่ อท 68/2568, ซึ่งอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร.กับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลย ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157, 200, 83, 86 พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172,192

กรณีที่พวกจำเลยทั้งหมด ร่วมกันกระทำผิดเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานในคดี คำให้การพยาน ความเร็วรถยนต์ฯ เพื่อช่วยเหลือนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดัง ผู้ต้องหา เพื่อให้พ้นผิด หรือรับโทษน้อยลง ที่นายวรยุทธ ขับรถสปอร์ตหรู เฉี่ยวชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 3 กันยายน 2555

สำหรับรายชื่อจำเลยทั้ง 8 คน ประกอบด้วย

  • จำเลยที่ 1 พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ที่ 1
  • จำเลยที่ 2 พล.ต.ต. ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบก.กองพิสูจน์หลักฐาน ที่ 2
  • จำเลยที่ 3 พ.ต.อ. วิรดล ทับทิมดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ทองหล่อ ที่ 3
  • จำเลยที่ 4 นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส
  • จำเลยที่ 5 นายชูชัย หรือ พิชัย เลิศพงศ์อดิศร
  • จำเลยที่ 6 นายธนิต บัวเขียว ที่ 6
  • จำเลยที่ 7 รศ. ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักฟิสิกส์ อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
  • จำเลยที่ 8 นายเนตร นาคสุข อดีตรอง อสส.

ต่อมาเวลาประมาณ 12.20 น.หลังศาลอ่านคำพิพากษา 3 ชั่วโมง เอกสารประมาณ 140 หน้า โดยศาลรับฟ้องคดีดังกล่าวเมื่อ เดือนกันยายน 2567 ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 5 เดือน พยานเอกสารกว่า 4 หมื่นแผ่น โจทก์ยื่นพยานมา 100 ปาก แต่ศาลคัดไว้ประมาณ 26 ปาก พร้อมรับพยานวัตถุ 4-5 ชิ้น

ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 200 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และจำเลยที่ 8 มีความผิดตามกฎหมายเดียวกัน

การกระทำของจำเลยที่ 4 และที่ 8 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท, ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. มาตรา 172 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำเลยที่ 4 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ศาลสั่งจำคุก 2 ปี, และจำเลยที่ 8 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ศาลสั่งจำคุก 3 ปี

อย่างไรก็ตามศาลยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7แต่ให้หมายขังจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ไว้ระหว่างอุทธรณ์ เว้นแต่จะมีประกัน

พยานหลักฐานเดิมระบุว่ารถยนต์ของนายวรยุทธ ขับด้วยความเร็วเฉลี่ยประมาณ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงคำให้การโดยอ้างว่าความเร็วอยู่ที่ประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ศาลพิจารณาประเด็นการใช้อิทธิพลบังคับ, กดดัน และโน้มน้าวพยาน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถ 

ภายหลังฟังคำพิพากษา พล.ต.อ.สมยศ ให้สัมภาษณ์ ระบุว่า รู้สึกโล่งใจและสบายใจ เหมือนปลดล็อกความรู้สึกที่ตกเป็นจำเลยของสังคมมาตลอดระยะเวลานาน โดยวันนี้กระบวนการยุติธรรมชี้ให้เห็นแล้วว่าตนเองบริสุทธิ์ ซึ่งที่ผ่านมาพยายามต่อสู้และแสดงหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริงต่อศาลที่เป็นผู้พิจารณามาโดยตลอด ส่วนคำพิพากษาที่ลงโทษจำคุกอดีตอัยการ 2 ท่าน ก็มีการพูดคุยกันในห้อง แต่ไม่ขอก้าวล่วงคำพิจารณาของศาล และท่านอื่นที่มีการพิจารณาในวันนี้

ส่วนกรณีที่มีความเห็นแย้งจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาทุจริตฯ (กรณีผู้บริหารของศาลทุจริตฯ ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา ซึ่งความเห็นนี้จะติดไปศาลสูงและถูกนำไปพิจารณา) ผลจะออกมาอย่างไร ตนพร้อมปฏิบัติและยินดีน้อมรับในเงื่อนไขทุกกรณี รวมทั้งที่ผ่านมาศาลมีเมตตาให้ประกันตัวสู้คดีในชั้นพิจารณา โดยมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ แต่ก็ไม่ได้กระทบกับการดำเนินชีวิตเพราะการเดินทางออกนอกประเทศแต่ละครั้งก็สามารถขออนุญาตได้ รวมทั้งครั้งนี้ได้ใช้หลักทรัพย์เดิมและเงื่อนไขเดิมในการยื่นประกันตัว เนื่องจากถึงแม้ศาลจะยกฟ้องก็มีคำสั่งให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์จึงต้องทำเรื่องขอประกันตัว ซึ่งทั้ง 8 คน ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

ส่วนกรณีการจะยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดหรือไม่นั้นเพื่อไม่ให้อัยการอุทธรณ์ จากนี้จะต้องไปปรึกษาทนายถึงเรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับรายละเอียด อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณศาลที่มีเมตตาให้นั่งฟังระหว่างการอ่านคำพิพากษา เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ถูกดำเนินคดีถึงขั้นพิพากษา

สำหรับบรรยากาศภายหลังได้รับการประกันตัว นายเนตร และ นายชัยณรงค์ ได้เดินทางออกจากศาลโดยมีสื่อมวลชนเฝ้าสังเกตการณ์จำนวนมาก แต่ก็ปฏิเสธที่จะให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์หรือบันทึกภาพ.

อ่านข่าวอื่น ๆ :

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *