
ในขณะที่หลายประเทศกำลังเผชิญกับภาระงบประมาณและระบบราชการที่เทอะทะ เวียดนามได้ก้าวออกมาเป็นประเทศแรกๆ ในภูมิภาคที่กล้าประกาศ “ปฏิรูปโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่” โดยมีเป้าหมายเพื่อลดจำนวนจังหวัดจาก 63 เหลือ 34 จังหวัด พร้อมยุบหน่วยงานระดับตำบล 60–70% และตัดลดจำนวนกระทรวง-ข้าราชการอย่างจริงจังภายใน 5 ปีข้างหน้า
นี่ไม่ใช่แค่การปรับโครงสร้างองค์กร แต่คือการผ่าตัดรัฐทั้งระบบเพื่อปูทางสู่ “การบริหารประเทศอย่างมีประสิทธิภาพในศตวรรษที่ 21”
ทำไมเวียดนามต้องกล้าเปลี่ยน?
1. ภาระงบประมาณแผ่นดิน
ระบบราชการที่ขยายตัวต่อเนื่องทำให้เวียดนามต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงมาก โดยมีข้าราชการเกือบ 2 ล้านคน การลดหน่วยงานและตำแหน่งจึงเป็นการบรรเทาภาระด้านการเงิน พร้อมเพิ่มงบประมาณให้กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสวัสดิการประชาชนมากขึ้น
2. ลดความซ้ำซ้อน เพิ่มความคล่องตัว
หน่วยงานท้องถิ่นหลายแห่งมีบทบาทซ้ำซ้อน หรือไม่มีขนาดที่เหมาะสมในการบริหารจัดการ เวียดนามมองเห็นว่า “การลดจำนวน” อาจเป็นคำตอบที่ทำให้การบริหารไม่ติดขัด ตอบสนองประชาชนได้เร็วขึ้น และป้องกันการทุจริตที่เกิดจากโครงสร้างซับซ้อน
3. ยกระดับศักยภาพของจังหวัด
การควบรวมจังหวัดเล็กเข้ากับจังหวัดที่มีขนาดใหญ่กว่า จะทำให้พื้นที่ใหม่มีทรัพยากรเพียงพอในการบริหาร และสามารถแข่งขันทางเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น ไม่ตกขบวนการเติบโตของประเทศ
ความเสี่ยงและความท้าทาย
แม้แผนนี้จะดูทะเยอทะยานและมีเหตุผลรองรับอย่างดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเสี่ยง
◾แรงต้านจากข้าราชการเดิม ที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากการตัดตำแหน่ง
◾ปัญหาทางจิตวิทยาของประชาชน ที่รู้สึกผูกพันกับ “ชื่อจังหวัด” เดิม อาจสร้างแรงกระเพื่อมในสังคม
◾ความซับซ้อนในการบริหารจัดการการเปลี่ยนผ่าน หากไม่มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ อาจนำไปสู่ความสับสนในพื้นที่และการให้บริการที่ล่าช้า
ก้าวสำคัญบนเวทีโลก
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องภายในของเวียดนาม แต่สะท้อนถึง ความกล้าในการปฏิรูปประเทศ เพื่อให้ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่ ที่ต้องการความคล่องตัว โปร่งใส และสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก
ขณะที่หลายประเทศยังติดกับดักระบบราชการล้าหลัง เวียดนามเลือก “รื้อ” เพื่อ “สร้างใหม่” อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ การผ่าตัดใหญ่ของเวียดนาม อาจเป็นต้นแบบให้ประเทศอื่นในอาเซียนหันกลับมาทบทวนระบบราชการของตัวเอง และจุดประกายคำถามสำคัญว่า…
“ถึงเวลาหรือยังที่รัฐจะต้องปรับตัว ก่อนที่ประชาชนจะไม่สามารถปรับตัวกับรัฐได้อีกต่อไป?”