TouristDigiPay นวัตกรรมการเงินใหม่ ดันไทยสู่ Digital Hub การท่องเที่ยว

ประเทศไทยเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลไฟแนนซ์ ด้วยโครงการนำร่อง “TouristDigiPay” ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแปลง คริปโตเคอร์เรนซี เป็นเงินบาท เพื่อใช้จ่ายในประเทศไทยผ่านระบบ e-Money ได้โดยตรง

โครงการนี้จะเริ่มใน ไตรมาส 4 ปี 2568 ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต., ธนาคารแห่งประเทศไทย และ ปปง. ในรูปแบบ Sandbox ทดสอบเป็นเวลา 18 เดือน

1. โครงการคืออะไร และวัตถุประสงค์หลัก

  • ชื่อโครงการ: TouristDigiPay
  • ประเภทโครงการ: โครงการทดสอบ (Regulatory Sandbox) ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (ก.ล.ต., ธปท., ปปง. และกระทรวงการคลัง)
  • วัตถุประสงค์:
    1. เพิ่มทางเลือกและความสะดวก ในการใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือ สินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี)
    2. ส่งเสริมการนำนวัตกรรม และสินทรัพย์ดิจิทัลมาสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย
    3. ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ที่มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัลสูง (Digital Nomads, Crypto Holders)
  • ระยะเวลาทดสอบ: คาดว่าจะเริ่มให้บริการจริงในช่วง ไตรมาส 4 ของปี 2568 (ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2568) และจะดำเนินการทดสอบเป็นเวลา 18 เดือน

2. กลไกการทำงานและขั้นตอนการใช้บริการ (How It Works)

หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือ การแลกเปลี่ยน สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท ก่อน นำไปใช้จ่าย ซึ่งหมายความว่า ร้านค้าจะได้รับเงินบาทปกติ ไม่ได้รับคริปโต จึงไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาคริปโต

ขั้นตอนสำหรับนักท่องเที่ยว (ขาเข้า)

  1. ยืนยันตัวตน (KYC): นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องเดินทางมาไทยชั่วคราว และทำการยืนยันตัวตน (KYC) เพื่อ เปิดบัญชี 2 ส่วน คือ
    • บัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล กับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย (Exchange/Broker ที่เข้าร่วม Sandbox)
    • Tourist Wallet (บัญชี e-money) กับผู้ให้บริการ e-money ที่เข้าร่วมโครงการ
  2. โอนและแลกเปลี่ยน: นักท่องเที่ยวโอนสินทรัพย์ดิจิทัล (เช่น Bitcoin, Ethereum ที่ผู้ให้บริการกำหนด) เข้ามายังบัญชีที่เปิดไว้ในไทย และ ส่งคำสั่งขาย เพื่อแลกเปลี่ยนเป็น เงินบาท
  3. รับเงินบาท: เงินบาทที่ได้จากการขายจะถูกโอนเข้า Tourist Wallet (บัญชี e-money) ของนักท่องเที่ยว
  4. ใช้จ่าย: นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินบาทใน Tourist Wallet ชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าทั่วประเทศผ่าน การสแกน QR Code (ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์)

ขั้นตอนการแลกกลับ (ขาออก)

  • นักท่องเที่ยวสามารถนำ เงินบาทที่เหลือ ใน Tourist Wallet มาแลกคืนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล และโอนกลับไปยัง กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลเดิม ที่เคยโอนเข้ามาเท่านั้น เพื่อควบคุมและป้องกันการโอนเงินออกไปบัญชีบุคคลที่สาม

3. มาตรการควบคุมความเสี่ยงและป้องกันการฟอกเงิน (AML)

โครงการนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลร่วมกันของ ก.ล.ต., ธปท. และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยมีมาตรการสำคัญดังนี้:

  • ไม่ใช่ Means of Payment: โครงการนี้เป็นการแลกเปลี่ยนคริปโตเป็นเงินบาทก่อนใช้จ่าย ไม่ใช่การนำคริปโตไปชำระเงินโดยตรง ซึ่งช่วยให้ร้านค้าไม่ต้องรับความเสี่ยงด้านความผันผวน
  • จำกัดวงเงินใช้จ่าย:
    • กรณีชำระเงินแก่ ร้านค้ารายย่อย: ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน
    • กรณีชำระแก่ร้านค้าที่ผ่านกระบวนการ Know Your Merchant (KYM): ไม่เกิน 500,000 บาทต่อเดือน
  • การควบคุมการโอนออก: การแลกกลับต้องโอนไปยัง กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลเดิม ที่ใช้โอนเข้ามาเท่านั้น เพื่อป้องกันการใช้เป็นช่องทางโอนเงินให้บุคคลที่สาม
  • การตรวจสอบ: ผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการต้องทำการตรวจสอบ Know Your Customer (KYC) และ Source of Funds อย่างเข้มงวด

4. ผลกระทบที่สำคัญต่อประเทศไทย

  • กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว: มีเป้าหมายเพิ่มเม็ดเงินใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ ซึ่งอาจสูงถึง 1.75 แสนล้านบาท หากโครงการขยายผลได้เต็มที่
  • ยกระดับประเทศสู่ Digital Hub: เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเปิดรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินของไทย ทำให้ไทยมีโอกาสเป็น ศูนย์กลางด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ในภูมิภาค
  • การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: ผลักดันให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการเงินและการท่องเที่ยวต้องปรับตัวและลงทุนใน ระบบการชำระเงินดิจิทัล
  • ความท้าทายด้านการกำกับดูแล: การที่ ปปง. ต้องเข้ามาตรวจสอบอย่างมั่นใจ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับ ความน่าเชื่อถือ ของประเทศในการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินในยุคดิจิทัล

โครงการนี้ถือเป็นนวัตกรรมที่น่าจับตาอย่างยิ่ง เพราะเป็นการรวมเอาเทคโนโลยีการเงินโลก (คริปโต) เข้ากับอุตสาหกรรมหลักของประเทศ (ท่องเที่ยว) ภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่เข้มงวดครับ.

ความท้าทายที่ต้องเผชิญ

  1. ความเสี่ยงด้านความเชื่อมั่น
    นักท่องเที่ยวต้องมั่นใจว่าระบบมีมาตรการความปลอดภัย ปลอดจากการแฮ็ก และมีการกำกับดูแลโดยรัฐ
  2. ปัญหาความผันผวนของคริปโต
    ความไม่แน่นอนของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลอาจทำให้นักท่องเที่ยวลังเลที่จะแลกมาใช้จ่ายจริง
  3. การยอมรับของร้านค้าและระบบการใช้งาน
    หากร้านค้าและผู้ประกอบการไม่เข้าร่วม หรือโครงการยังจำกัดเฉพาะบางพื้นที่ อาจถูกมองว่าเป็นเพียงการทดลองมากกว่าการใช้งานจริง

ไทยไม่ใช่ประเทศแรกที่ริเริ่มแนวคิดนี้: ประเทศภูฏานเปิดใช้ระบบชำระเงินคริปโตสำหรับนักท่องเที่ยวระดับประเทศมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โดยร่วมมือกับแพลตฟอร์ม Binance Pay และธนาคาร DK เพื่อให้การชำระเงินโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน ค่าธรรมเนียมวีซ่า ฯลฯ สามารถจ่ายด้วยคริปโตแล้วแปลงเป็นสกุลท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็ว

แม้จะมีเสียงชื่นชมถึงนวัตกรรมนี้ แต่หลายฝ่ายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเตือนว่า ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน และการรับรู้ของผู้ประกอบการในพื้นที่ท่องเที่ยวยังถือเป็นความท้าทายสำคัญ.

iPhone Air นิยามใหม่ของความบางเบาที่มาพร้อมประสิทธิภาพระดับโปร สัมผัสดีไซน์ใหม่ที่บางเฉียบและเบาอย่างน่าทึ่ง แต่ยังคงทรงพลังด้วยชิป A19 Pro ที่เร็วแรงเทียบเท่ารุ่น iPhone 17 Pro Max พร้อมจอภาพ ProMotion 120Hz ที่ลื่นไหลและสว่างสู้แดดได้ดียิ่งขึ้น บางเพียง 5.6 มม. และน้ำหนักแค่ 165 กรัม มอบประสบการณ์ความบันเทิงและการทำงานที่เต็มตาเหนือระดับ ให้คุณเก็บทุกความประทับใจได้คมชัดในทุกรายละเอียด แบตเตอรี่ที่ออกแบบมาใหใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน และรองรับ Apple Intelligence เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด

อ่านข่าวอื่น ๆ :

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *