เม็ดเงินมหาศาลจาก “ความหวัง” ของคนไทย
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (GLO) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “กองสลาก” เป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับรัฐบาลไทย ข้อมูลทางสถิติในหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของยอดจำหน่ายสลาก โดยมี เม็ดเงินหมุนเวียนต่อปีทะลุหลักแสนล้านบาท จนกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ แต่ท่ามกลางตัวเลขกำไรที่พุ่งสูง คำถามเชิงวิชาการและเชิงจริยธรรมที่สังคมไม่เคยมองข้ามคือ: รายได้มหาศาลเหล่านี้ถูกจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส เพื่อตอบสนองต่อ ‘ความรับผิดชอบทางสังคม’ (Corporate Social Responsibility – CSR) ของรัฐวิสาหกิจอย่างแท้จริงหรือไม่? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตการณ์สำคัญ เช่น มหาอุทกภัย หรือความตึงเครียดตามแนวชายแดน

โครงสร้างรายได้: กำไรที่ท่วมท้นมาจากไหน?
ตามโครงสร้างการจัดสรรรายได้ของกองสลาก (อ้างอิงจากพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และระเบียบที่เกี่ยวข้อง) รายได้จากการจำหน่ายสลากจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก:
- เงินรางวัล: ร้อยละ 60
- รายได้แผ่นดิน: ร้อยละ 23
- ค่าบริหารจัดการ/ส่วนแบ่งการจำหน่าย/ค่าใช้จ่ายเพื่อสังคม: ร้อยละ 17
ในปี 2567-2568 (คาดการณ์ตามแนวโน้ม) หากยอดจำหน่ายยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง รายได้ในส่วนของ “รายได้แผ่นดิน” ที่นำส่งกระทรวงการคลังเพื่อเข้าสู่ระบบงบประมาณแผ่นดิน จะเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์ (แหล่งอ้างอิง: รายงานประจำปีสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล, กรมบัญชีกลาง)
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่นักวิชาการให้ความสำคัญคือส่วนของร้อยละ 17 ซึ่งมีส่วนของ “เงินส่วนแบ่งเพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม” อยู่ด้วย (ประมาณร้อยละ 2-3 ของยอดขาย หรือคิดเป็นหลักพันล้านบาทต่อปี) เงินส่วนนี้ควรถูกนำไปใช้ในกิจกรรมสาธารณประโยชน์ด้านต่างๆ อย่างรวดเร็วและตรงจุด ตามวัตถุประสงค์การก่อตั้งที่เน้นการสนับสนุนสังคม .

การจัดสรรเงินเพื่อสังคม: คำถามถึงความรวดเร็วและประสิทธิภาพในยามวิกฤต
เมื่อประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ขนาดใหญ่ เช่น สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน ที่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง หรือ สถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดน ที่อาจต้องการการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมและยุทโธปกรณ์เพิ่มเติม คำถามที่ถูกส่งตรงมาจากภาคประชาชนและสื่อมวลชนคือ: “เงินส่วนแบ่งเพื่อสังคม” ของกองสลากหายไปไหน? และ “ทำไมการช่วยเหลือสาธารณภัยต้องอาศัยการบริจาคจากประชาชนเป็นหลัก?”
มุมมองเชิงวิเคราะห์:
- ความล่าช้าทางกลไก: แม้กองสลากจะมีเงินส่วนนี้อยู่จริง แต่การเบิกจ่ายหรือการตัดสินใจสนับสนุนโครงการช่วยเหลือมักต้องผ่าน ขั้นตอนและกลไกราชการที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน ทำให้ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วนในยามวิกฤตได้ทันท่วงที ต่างจากการบริจาคของภาคเอกชนและประชาชนที่สามารถดำเนินการได้ทันที
- การขาดความโปร่งใสเชิงรุก: แม้กองสลากจะมีการรายงานการใช้จ่าย แต่ขาดการนำเสนอข้อมูลเชิงรุกที่ชัดเจนว่า “เงินส่วนไหนถูกนำไปช่วยภัยพิบัติโดยตรงและเป็นจำนวนเท่าใด” ทำให้สาธารณะรู้สึกว่ารายได้มหาศาลถูกเก็บไว้ในระบบมากกว่าการนำมาช่วยเหลือสังคมอย่างทันการ
- การทับซ้อนบทบาท: เงินรายได้แผ่นดิน (ร้อยละ 23) ของกองสลากถูกนำไปใช้ในงบประมาณรวมของประเทศอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึงงบประมาณป้องกันภัยพิบัติ แต่ประชาชนต้องการเห็นการแสดงออกถึง ‘ความรับผิดชอบพิเศษ’ ของรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรจากสังคมในยามที่สังคมต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน การแสดงบทบาทที่ชัดเจนจะช่วยเสริมสร้างความชอบธรรมในการดำเนินงานของกองสลาก
กรณีเปรียบเทียบ: บทบาทในสถานการณ์ชายแดน
ในกรณีของสถานการณ์ชายแดนที่อาจมีความตึงเครียดหรือการอพยพ คำถามเรื่อง “ความมั่นคง” และ “สวัสดิภาพประชาชน” มักถูกยกขึ้นมา กองสลากสามารถใช้เงินส่วนแบ่งเพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ชายแดน หรือสนับสนุนหน่วยงานด้านความมั่นคงและสาธารณสุขในพื้นที่เสี่ยง (แหล่งอ้างอิง: นโยบายการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อสังคมของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอื่นๆ) การดำเนินการเช่นนี้ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ด้านสังคม แต่ยังตอบโจทย์ด้านความมั่นคงของรัฐอีกด้วย
ข้อเสนอแนะเชิงวิชาการเพื่อการปรับปรุง
เพื่อยกระดับบทบาทของกองสลากให้สอดคล้องกับรายได้มหาศาลและภาระความรับผิดชอบต่อสังคม (Social Responsibility) ควรมีการพิจารณาประเด็นต่อไปนี้:
- จัดตั้งกองทุนสำรองฉุกเฉินเฉพาะกิจ: แยกเงินส่วนแบ่งเพื่อสังคมส่วนหนึ่งออกมาจัดตั้งเป็น “กองทุนสำรองฉุกเฉินสาธารณภัย” ภายใต้การกำกับดูแลที่โปร่งใส ซึ่งมีกลไกการเบิกจ่ายที่รวดเร็ว เพื่อสามารถตอบสนองต่อภัยพิบัติขนาดใหญ่ได้ภายใน 48 ชั่วโมง
- เพิ่มความโปร่งใสในการรายงาน: เปิดเผยข้อมูลการใช้จ่ายเงินเพื่อสังคม (โดยเฉพาะในยามวิกฤต) บนเว็บไซต์ของหน่วยงานอย่างชัดเจนและทันสมัยในรูปแบบ Interactive Dashboard เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา
- ทบทวนสัดส่วนการจัดสรร: พิจารณาทบทวนสัดส่วนร้อยละ 17 ใหม่ โดยอาจเพิ่มสัดส่วนเงินเพื่อสังคมให้มากขึ้นเล็กน้อย หากยอดรายได้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนถึงการคืนกำไรสู่สังคมในระดับที่สมเหตุสมผลกับขนาดกำไรที่ได้รับ
จากผู้สร้างกำไรสู่ผู้รับผิดชอบสังคม
รายได้ของกองสลากเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการดำเนินกิจการของรัฐวิสาหกิจแห่งนี้มีความมั่นคงสูง แต่ ความมั่นคงทางการเงินไม่ควรมาพร้อมกับการละเลยความรับผิดชอบทางสังคม ในห้วงปี 2568 นี้ และปีต่อๆ ไป กองสลากต้องแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่เพียงแต่เป็น “เครื่องมือสร้างรายได้” แต่เป็น “กลไกช่วยเหลือสังคมที่รวดเร็วและเชื่อถือได้” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประชาชนกำลังเผชิญกับความยากลำบากจากวิกฤตการณ์ต่างๆ การดำเนินการที่โปร่งใส รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพเท่านั้นที่จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและยืนยันความชอบธรรมในการดำเนินงานของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ในระยะยาว.

อ่านข่าวอื่น ๆ :
- บริทาเนีย แท็กทีม KBank-ttb-KTB ออกโปรฯ เด็ด: สินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี! โอกาสทองคนอยากมีบ้าน
- ดัชมิลล์ผนึกกรมส่งเสริมสหกรณ์! เปิดแคมเปญ ‘FRESH FROM FARM’ ชู ‘นมโคแท้มีที่มา’ ยกระดับทั้งฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร
- ข้อมูลคุณปลอดภัยแค่ไหน? NTT DATA-Fortanix ผนึกกำลัง! ปล่อย Cryptography-as-a-Service ปิดช่องโหว่ AI และยุค Post-Quantum
- “เปิดศึกโซเชียล: ‘กัน จอมพลัง’ ปะทะ ‘ไอซ์ รักชนก’ (พรรคประชาชน) สะท้อนความโปร่งใสเงินบริจาค-ประเด็นการเมืองสกปรก ในวิกฤตสแกมเมอร์ชายแดนไทย-กัมพูชา”
- เปิดมิติใหม่ SEA Games 2025! ทำไมไทยถึงเลือก กทม.-ชลบุรี-สงขลา เป็น 3 เจ้าภาพหลัก?