วงการการศึกษาไทยกำลังยืนอยู่ ณ จุดตัดสำคัญที่ต้องเผชิญกับคลื่นการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในขณะนี้คือ ภารกิจเร่งด่วนในการบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีดิจิทัล เข้าสู่ระบบการเรียนการสอน เพื่อตอบโจทย์การประเมินระดับโลกอย่าง PISA 2025 พร้อมไปกับการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำที่หยั่งรากลึก ข้อมูลจากองค์กรระดับโลกและหน่วยงานภายในประเทศชี้ให้เห็นว่า ความพยายามในการปฏิรูปครั้งนี้ไม่ใช่แค่การปรับปรุงหลักสูตร แต่คือการกำหนดอนาคตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

ความท้าทายจากเวทีโลก: PISA 2025 และการเรียนรู้ในโลกดิจิทัล
การประเมิน PISA (Programme for International Student Assessment) ซึ่งจัดโดย OECD ถือเป็นมาตรวัดคุณภาพการศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับ ผลการประเมินรอบที่ผ่านมาได้ส่งสัญญาณเตือนอย่างชัดเจนถึง “วิกฤตคุณภาพ” และ “ความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรง” ในกลุ่มนักเรียนไทย โดยข้อมูลจาก PISA ชี้ว่ามีความแตกต่างของคะแนนห่างกันเกือบ 200 คะแนน ระหว่างนักเรียนกลุ่มที่มีโอกาสทางการศึกษามากที่สุดและกลุ่มที่ด้อยโอกาสที่สุด
สำหรับ PISA 2025 ซึ่งกำลังจะมาถึง ได้ถูกกำหนดให้เน้นการประเมินทักษะใหม่ที่สำคัญต่อยุคสมัย ได้แก่ “ความฉลาดรู้ด้านวิทยาศาสตร์” และที่สำคัญคือ “การเรียนรู้ในโลกดิจิทัล (Learning in the Digital World)” การประเมินนี้ไม่ได้วัดเพียงความรู้ทางเทคนิค แต่รวมถึงความสามารถในการคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking) และการกำกับตนเองเพื่อการเรียนรู้ (Self-Regulated Learning) ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการอยู่รอดในศตวรรษที่ 21
การมุ่งเน้นของ PISA 2025 ทำให้กระทรวงศึกษาธิการต้องเร่งรัดการนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยมีแผนการ ใช้ AI ยกระดับ PISA ผ่านการร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์และฝึกฝนนักเรียน อย่างไรก็ตาม รายงานของ UNESCO พบว่าในปี 2564 มีเพียง 43% ของโรงเรียนประถมในไทยเท่านั้นที่มีอินเทอร์เน็ตสำหรับจุดประสงค์ทางการเรียนการสอน และมีเพียง 27% ที่มีสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลเพียงพอ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่า ช่องว่างด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลกำลังเป็นอุปสรรคสำคัญในการเตรียมความพร้อมนักเรียนสู่สนามสอบ PISA 2025
AI และ Digital Transformation: โอกาสหรือช่องว่างใหม่?
การบูรณาการ AI ในโรงเรียนถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์สำคัญของการศึกษาทั่วโลกในปี 2568 ประเทศไทยได้ประกาศเดินหน้าโครงการใหญ่ เช่น “Technology-enabled Open Schools for All” โดยการสนับสนุนจาก UNESCO และ Huawei เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลและ AI ในครูและนักเรียน
มุมมองเชิงวิเคราะห์: การนำ AI มาใช้นั้นมีสองด้านที่ต้องพิจารณาอย่างลึกซึ้ง
- โอกาสในการลดความเหลื่อมล้ำ: AI สามารถเป็นเครื่องมือช่วยให้ครูวินิจฉัยจุดอ่อนของนักเรียนและปรับวิธีการสอนให้เหมาะสมกับรายบุคคล (Personalized Learning) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลที่ขาดแคลนบุคลากร การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล PISA-Like และ PISA Style เพื่อปรับปรุงการสอนถือเป็นการสร้างมาตรฐานทางการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ความเสี่ยงในการสร้างช่องว่างใหม่: หากการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง, อุปกรณ์) และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีของครู (Digital Literacy) ยังคงมีความเหลื่อมล้ำสูง การนำ AI เข้ามาใช้อาจยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างโรงเรียนในเมืองกับโรงเรียนในชนบทขยายตัวมากขึ้น จากรายงานของ Ipsos เมื่อปี 2568 ชี้ว่า “การเข้าถึงการศึกษาที่ไม่เท่าเทียม” เป็นปัญหาที่คนไทยกังวลสูงสุด (46%) และ “การใช้เทคโนโลยีในโรงเรียนไม่เพียงพอ” อยู่ในอันดับสาม (31%) การดำเนินการปฏิรูปดิจิทัลจึงต้องทำควบคู่ไปกับการจัดสรรทรัพยากรอย่างเสมอภาค

วิกฤตโครงสร้างประชากรกับการดึงเด็กนอกระบบกลับสู่โอกาส
นอกเหนือจากวิกฤตคุณภาพ นักเรียนไทยยังเผชิญกับความท้าทายในระดับโครงสร้างประชากร ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ด้วยจำนวนเด็กเกิดใหม่ที่ลดลง และวัยทำงานที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์นี้ การสูญเสียประชากรวัยเรียนและวัยเยาวชนไปนอกระบบการศึกษา (Out-of-School Youth หรือ Dropout) จึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ชี้ว่าปัญหา เด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา เป็นความท้าทายสำคัญในปี 2568 ซึ่งรวมถึงกลุ่มเยาวชนที่ไม่ได้อยู่ในการจ้างงาน (NEET: Not in Education, Employment, or Training) การแก้ปัญหาได้เริ่มดำเนินการผ่านโครงการ Zero Dropout และการทดลอง “การศึกษาที่ยืดหยุ่น (Flexible Education)” ที่ปรับหลักสูตรและรูปแบบการเรียนรู้ให้เข้ากับบริบทชีวิตของเด็กแต่ละคน
ความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก: ในบริบทที่ตลาดแรงงานโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจากโลกาภิวัตน์และระบบอัตโนมัติ (Automation) ทักษะของประชากรคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนประเทศ การดึงเยาวชนกลุ่มนี้กลับเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) จึงไม่เพียงแต่เป็นการแก้ไขปัญหาทางสังคม แต่เป็นการลงทุนที่สำคัญที่สุดเพื่อป้องกันการขาดแคลนทักษะ (Skills Shortages) ในอนาคต โดยเฉพาะในภาคส่วนที่ขาดแคลนแรงงานคุณภาพ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
การศึกษาไทยในเดือนตุลาคม 2568 ต้องเผชิญกับโจทย์ที่ซับซ้อน: ทำอย่างไรจึงจะใช้ประโยชน์จาก AI และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับผลลัพธ์การเรียนรู้ให้ทัดเทียมกับโลก ในขณะเดียวกันก็ต้องยุติวิกฤตความเหลื่อมล้ำและลดการหลุดออกนอกระบบ?
การปฏิรูปจะประสบความสำเร็จไม่ได้ด้วยการเขียนแผนงานบนกระดาษเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการเปลี่ยนผ่านในระดับปฏิบัติการที่แท้จริง ตั้งแต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโรงเรียนทั่วประเทศ, การพัฒนาครูให้พร้อมใช้ AI เป็นเครื่องมือ, ไปจนถึงการสร้างหลักสูตรที่ยืดหยุ่นและเน้นทักษะที่ใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง (เช่น ทักษะที่ PISA 2025 ต้องการ)
หากการศึกษาไทยสามารถเปลี่ยนวิกฤตเหล่านี้ให้เป็นโอกาสได้ ภายในปี 2568 นี้ ก็จะเป็นรากฐานสำคัญในการวางตำแหน่งแห่งที่ใหม่ของประเทศในบริบทโลกและเตรียมคนไทยให้พร้อมสำหรับการแข่งขันในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลคือหัวใจสำคัญ.

อ่านข่าวอื่น ๆ :
- บริทาเนีย แท็กทีม KBank-ttb-KTB ออกโปรฯ เด็ด: สินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี! โอกาสทองคนอยากมีบ้าน
- ดัชมิลล์ผนึกกรมส่งเสริมสหกรณ์! เปิดแคมเปญ ‘FRESH FROM FARM’ ชู ‘นมโคแท้มีที่มา’ ยกระดับทั้งฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร
- ข้อมูลคุณปลอดภัยแค่ไหน? NTT DATA-Fortanix ผนึกกำลัง! ปล่อย Cryptography-as-a-Service ปิดช่องโหว่ AI และยุค Post-Quantum
- “เปิดศึกโซเชียล: ‘กัน จอมพลัง’ ปะทะ ‘ไอซ์ รักชนก’ (พรรคประชาชน) สะท้อนความโปร่งใสเงินบริจาค-ประเด็นการเมืองสกปรก ในวิกฤตสแกมเมอร์ชายแดนไทย-กัมพูชา”
- เปิดมิติใหม่ SEA Games 2025! ทำไมไทยถึงเลือก กทม.-ชลบุรี-สงขลา เป็น 3 เจ้าภาพหลัก?