
จากกรณีที่ชาวบ้านซอย 13 สาย 11 ต.มะขามคู่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ได้ร้องเรียนสื่อมวลชนว่า ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหานายทุนถมที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงงาน หรือโกดังเก็บสินค้า บนพื้นที่ประมาณ 24 ไร่ ซ้ำยังขุดดินปรับพื้นที่ลึกลงไปอีกกว่า 10 เมตร จนหวั่นว่ากำแพงบ้านที่อยู่ติดพื้นที่ดังกล่าวจะพังถล่มลงมา
ทั้งนี้ จากภาพดังกล่าวที่มีการถมดินในพื้นที่โครงการใหม่สูงเกือบเท่าระดับหลังคาบ้านของโครงการที่อยู่ติดกันโดยไม่มีแนวกันดินที่เหมาะสม ซึ่งมีประเด็นด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. พระราชบัญญัติการควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
มาตรา 39 กำหนดว่า “การก่อสร้างอาคาร การดัดแปลงอาคาร หรือการถมดิน” จะต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อนดำเนินการ หากไม่ได้รับอนุญาตหรือทำผิดแบบที่ได้รับอนุญาต อาจมีโทษปรับหรือรื้อถอนตามคำสั่งเจ้าหน้าที่
ในกรณีนี้ หากการถมดินสูงผิดปกติและส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินหรือความปลอดภัยของเพื่อนบ้าน ก็เข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมาย
2. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337
ระบุว่า “เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องใช้สิทธิของตนโดยไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่เพื่อนบ้านเกินสมควร”
การถมดินโดยไม่ทำกำแพงกันดิน หรือไม่วางระบบป้องกันดินพังทลาย อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านใกล้เรือนเคียง และเจ้าของโครงการอาจถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย
3. ข้อบัญญัติท้องถิ่น
หลายพื้นที่มีกฎหมายท้องถิ่นเพิ่มเติม เช่น ข้อบัญญัติการใช้พื้นที่ถมดินที่ต้องเว้นระยะห่างจากแนวรั้ว หรือข้อกำหนดความสูงสูงสุดของการถมดิน ซึ่งต้องตรวจสอบว่าในเขตเทศบาลหรือ อบต. ใน จ.ระยอง มีข้อกำหนดเฉพาะเพิ่มเติมหรือไม่

ล่าสุดในวันนี้ (17 เม.ย.2568) นายกฤติน มีลาภ ปลัดเทศบาลตำบลมะขามคู่ ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลมะขามคู่ ได้นำคำสั่งให้หยุดการขุดดิน หรือถมดินบริเวณที่เกิดปัญหาเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นตามมา และอาศัยอำนาจตามมาตรา 31 วรรค 1 และมาตรา 31 วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติขุดดินและถมดิน พ.ศ.2543 มีคำสั่งให้จัดการแก้ไขการขุดดิน ถมดินให้เสร็จภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่ง

