คอร์รัปชันไทยวิกฤต! CPI ต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดน ‘เวียดนาม-อินโดฯ’ แซง เจาะ 3 หน่วยงาน ‘โกงเยอะ’ ที่สุด

ข้อมูลล่าสุดสำหรับปี 2567 (ประกาศผลต้นปี 2568) จากดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ Corruption Perceptions Index (CPI) โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) มีรายละเอียดที่น่าตกใจและคนไทยควรทราบ ดังนี้ครับ

1. สรุปภาพรวม: ไทยสอบตก คะแนนต่ำสุดในรอบ 10 ปี

ผลคะแนนปีล่าสุดชี้ว่าสถานการณ์คอร์รัปชันของไทย “แย่ลง” ในแง่ของคะแนนดิบ แม้อันดับโลกจะขยับขึ้นเล็กน้อยเพราะประเทศอื่นคะแนนตกลงมากกว่า

  • คะแนน: 34 เต็ม 100 (ลดลงจากปีก่อนที่ได้ 35 คะแนน)
  • อันดับโลก: อันดับ 107 จาก 180 ประเทศ (ดีขึ้นจากอันดับ 108 ในปีก่อน)

ข้อสังเกต: การที่คะแนนลดเหลือ 34 ถือเป็นสัญญาณอันตราย เพราะเป็นคะแนนที่ต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเก็บข้อมูลของไทย สะท้อนปัญหาความโปร่งใสในภาครัฐที่ยังแก้ไขไม่ได้

2. เทียบระดับอาเซียน (ASEAN) : ไทยหล่นไปอยู่อันดับ 5

สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ ไทยถูก เวียดนาม แซงหน้าไปไกล และถูก อินโดนีเซีย แซงหน้าไปแล้วในเรื่องภาพลักษณ์ความโปร่งใส

อันดับอาเซียนประเทศคะแนน (เต็ม 100)สถานะเทียบกับไทย
1🇸🇬 สิงคโปร์84สูงกว่ามาก (ระดับโลก)
2🇲🇾 มาเลเซีย50สูงกว่า
3🇻🇳 เวียดนาม40แซงไทย (ทิ้งห่าง)
4🇮🇩 อินโดนีเซีย37แซงไทย
5🇹🇭 ไทย34รั้งท้ายกลุ่มผู้นำ
6🇵🇭 ฟิลิปปินส์33ใกล้เคียง
6🇱🇦 ลาว33ใกล้เคียง
7🇰🇭 กัมพูชา21ต่ำกว่า
8🇲🇲 เมียนมา16ต่ำกว่า

3. เทียบระดับเอเชีย (Asia)

ในระดับทวีปเอเชีย ไทยจัดอยู่ใน “กลุ่มล่าง” เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว โดยมีช่องว่างคะแนนที่ห่างกันเกินครึ่ง

  • กลุ่มผู้นำ (โปร่งใสสูง): สิงคโปร์ (84), ญี่ปุ่น (73), ฮ่องกง (74), ไต้หวัน (67)
  • กลุ่มระดับกลาง: เกาหลีใต้ (63), มาเลเซีย (50), จีน (42)
  • กลุ่มไทย: อยู่ในระดับเดียวกับ ศรีลังกา, เนปาล, และอินเดีย (คะแนนช่วง 30-39)

4. ทำไมคะแนนไทยถึงร่วง? (จุดที่ต้องรู้)

สาเหตุหลักที่คะแนน CPI ของไทยลดลงในปีล่าสุด มาจากปัจจัยลบ 3 ด้านที่ต่างชาติมองเข้ามา:

  1. กระบวนการยุติธรรม: ความล่าช้าและการเลือกปฏิบัติในคดีของเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอิทธิพล
  2. ความโปร่งใสของงบประมาณ: การตรวจสอบการใช้งบประมาณของโครงการขนาดใหญ่ (Mega Projects) ทำได้ยาก
  3. สินบน: ภาคธุรกิจยังสะท้อนว่าต้องมีการ “จ่ายใต้โต๊ะ” เพื่อความสะดวกในการติดต่อราชการ

สิ่งที่คุณทำได้ในฐานะประชาชน

วันนี้ (วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล) ข้อมูลนี้ย้ำให้เห็นว่าเรานิ่งเฉยไม่ได้ หากพบเห็นความผิดปกติในการทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือโครงการก่อสร้างในชุมชนที่ส่อทุจริต สามารถแจ้งเบาะแสไปที่ ป.ป.ช. (สายด่วน 1205) หรือเพจต้านโกงต่างๆ ได้ทันทีครับ

จากการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเรื่องร้องเรียนของ สำนักงาน ป.ป.ช. (ข้อมูลล่าสุดปีงบประมาณ 2567-2568) และดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (CPI) รวมถึงผลการประเมิน ITA ล่าสุด สามารถเจาะลึกสถานการณ์คอร์รัปชันไทยได้ดังนี้ครับ

1. หน่วยงานที่มี “เรื่องร้องเรียนการทุจริต” มากที่สุด (สถิติจาก ป.ป.ช.)

หากวัดจาก “จำนวนคดี” หรือเรื่องร้องเรียนที่เข้าสู่ระบบ ป.ป.ช. หน่วยงานที่ครองแชมป์มาอย่างต่อเนื่องและล่าสุด คือ:

อันดับ 1: องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)

(เช่น อบต., เทศบาล, อบจ.)

  • สถิติ: ครองสัดส่วนกว่า 30-40% ของเรื่องร้องเรียนทั้งหมด (ประมาณ 7,000+ เรื่องในช่วง 2-3 ปีล่าสุด)
  • รูปแบบการโกง:
    1. การจัดซื้อจัดจ้าง (Procurement Fraud): ล็อกสเปกโครงการก่อสร้างถนน เสาไฟโซลาร์เซลล์ หรือการจัดซื้อวัสดุในราคาสูงเกินจริง
    2. ตรวจรับงานเท็จ: ถนนสร้างไม่เสร็จแต่เซ็นรับงานแล้ว หรือสร้างไม่ตรงสเปก
  • เหตุจูงใจ (Motive): เป็นหน่วยงานที่มีงบประมาณกระจายลงไปจำนวนมาก แต่ระบบการตรวจสอบในพื้นที่ (Local Audit) ยังอ่อนแอ และมีความใกล้ชิดกับระบบหัวคะแนนในพื้นที่
  • โอกาส (Opportunity): ผู้บริหารท้องถิ่นมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการอนุมัติงบประมาณขนาดเล็ก-กลาง ซึ่งตรวจสอบยากกว่าโครงการระดับชาติ

อันดับ 2: สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)

  • สถานะ: เป็นหน่วยงานที่ถูกมองว่ามี “คอร์รัปชันเชิงระบบ” รุนแรงที่สุดในสายตาประชาชน (Perception) และนักลงทุนต่างชาติ
  • รูปแบบการโกง:
    1. ส่วยและธุรกิจสีเทา: รับสินบนจากสถานบันเทิง, บ่อนออนไลน์, แรงงานต่างด้าว (กรณี “ตั๋วช้าง” หรือ “ส่วยทางหลวง”)
    2. การซื้อขายตำแหน่ง: การวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่งในฤดูกาลแต่งตั้ง ทำให้ตำรวจต้องหาเงินคืนทุนเมื่อได้รับตำแหน่ง
  • เหตุผล: กฎหมายให้อำนาจดุลยพินิจ (Discretionary Power) แก่เจ้าหน้าที่สูงมากในการแจ้งข้อหาหรือไม่แจ้งข้อหา ทำให้เกิดการต่อรองได้ง่าย

อันดับ 3 (กลุ่มเฝ้าระวัง): กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงมหาดไทย

  • เหตุผล: เป็นกระทรวงที่มีบุคลากรและงบประมาณสูง พบปัญหาเรื่องการจัดซื้ออาหารกลางวันเด็ก (ในโรงเรียนสังกัด สพฐ.) และการเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะ รวมถึงการจัดซื้อคุรุภัณฑ์การศึกษา

2. วิเคราะห์เชิงลึก: ทำไมถึงแก้ไม่ได้? (Triangle of Corruption)

ผมขอใช้ทฤษฎี สามเหลี่ยมการทุจริต วิเคราะห์บริบทของไทยในปัจจุบัน:

ปัจจัยรายละเอียดในบริบทไทย
1. แรงกดดัน/แรงจูงใจ (Pressure)“ระบบอุปถัมภ์และการถอนทุน” ข้าราชการชั้นผู้น้อยเงินเดือนไม่พอใช้ ในขณะที่ระดับสูงต้องส่งส่วยให้นาย (Master) เพื่อรักษาเก้าอี้ หรือนักการเมืองท้องถิ่นต้องถอนทุนจากการเลือกตั้ง
2. โอกาส (Opportunity)“การผูกขาดข้อมูลและดุลยพินิจ” ระบบราชการไทยยังใช้ดุลยพินิจเจ้าหน้าที่สูง (เช่น จะจับหรือไม่จับ จะให้ใบอนุญาตหรือไม่) และระบบข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง (CoST) ยังไม่เปิดเผย 100% ทำให้ตรวจสอบยาก
3. การหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง (Rationalization)“ใครๆ ก็ทำกัน / น้ำใจ” วัฒนธรรมที่มองว่าการรับเงินเล็กน้อยเป็น “สินน้ำใจ” หรือมองว่าถ้าไม่ทำตามระบบน้ำก็จะไม่ไหล งานจะไม่เดิน

3. หน่วยงานที่ “น่าเป็นห่วงที่สุด” ในปี 2568

จากผลการวิเคราะห์ ไม่ใช่หน่วยงานที่มีตัวเลขร้องเรียนเยอะสุด แต่คือหน่วยงานที่ “คะแนน ITA (การประเมินคุณธรรม) สูง แต่ความเชื่อมั่นต่ำ” ซึ่งสะท้อนความผิดปกติอย่างรุนแรง คือ:

หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมและตำรวจ

  • ความย้อนแย้ง: ในการประเมิน ITA (Integrity and Transparency Assessment) หลายครั้งหน่วยงานเหล่านี้ได้คะแนนระดับ A หรือ AA (ผ่านเกณฑ์เอกสาร) แต่ในดัชนีสากล (CPI) หรือความรู้สึกประชาชน กลับสอบตกเรื่องความเชื่อมั่น
  • ความน่าเป็นห่วง: เมื่อต้นทางของความยุติธรรม (ตำรวจ/อัยการ) ถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส (เช่น คดีบอส, คดีกำนันนก) จะทำให้ระบบการตรวจสอบคอร์รัปชันทั้งหมด “เป็นอัมพาต” เพราะคนโกงไม่กลัวกฎหมาย

ข้อสังเกตสำหรับคุณ

ถ้าคุณทำธุรกิจหรือต้องติดต่อราชการในปีนี้ ให้ระวัง 2 จุดเสี่ยง:

  1. การขอใบอนุญาต (Construction/Land): ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ยังเป็นจุดที่มีการเรียกรับเงินใต้โต๊ะสูง
  2. การประมูลงานรัฐ: ระวังการ “ฮั้วประมูล” โดยเฉพาะในโครงการท้องถิ่น หากเห็นความผิดปกติควรรักษาผลประโยชน์ภาษีของเราโดยการแจ้งเบาะแสครับ

อ่านข่าวอื่น ๆ :

สั่งสินค้าได้ที่นี่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *