สถานการ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

“สื่อกัมพูชา” VS “สื่อไทย” ศึกสงครามข้อมูลใครชนะ? เจาะลึกโครงสร้างและจุดยืนที่ต่างกันสุดขั้ว

ในโลกที่ข้อมูลข่าวสาร หลั่งไหลไร้พรมแดน บทบาทของสื่อมวลชนไม่ได้เป็นเพียงผู้รายงานข่าว แต่ยังเป็นผู้กำหนดมุมมองความจริงและสร้างความเข้าใจระหว่างประเทศ บทความนี้จะวิเคราะห์เจาะลึกถึงโครงสร้างการทำงานและบทบาทของสื่อมวลชนระหว่างประเทศไทย และกัมพูชา โดยชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างที่สำคัญ รวมถึงมุมมองที่ประชาคมโลกมีต่อสื่อของทั้งสองประเทศ บนพื้นฐานของความเป็นกลางและข้อเท็จจริง โครงสร้างและการควบคุม สื่อไทยในยุคเปลี่ยนผ่าน vs. สื่อกัมพูชาภายใต้การกำกับ สื่อมวลชนไทย : มีโครงสร้างที่ค่อนข้างหลากหลายและซับซ้อน ประกอบด้วยสื่อของรัฐ (เช่น Thai PBS, NBT), สื่อเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ (เช่น ช่อง 3, 7, Workpoint) และสื่อออนไลน์อิสระจำนวนมาก แม้จะมีกฎหมายที่รับรองเสรีภาพในการแสดงออก แต่สื่อไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายจากแรงกดดันทางการเมืองและทุนนิยม การแทรกแซงจากภาครัฐและกลุ่มทุนยังคงเป็นปัญหาที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในประเด็นที่อ่อนไหว เช่น สถาบันพระมหากษัตริย์ หรือประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง อย่างไรก็ตาม สื่อออนไลน์และสื่ออิสระได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ ทำให้เกิดการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจมากขึ้น สื่อมวลชนกัมพูชา : มีโครงสร้างที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน สื่อส่วนใหญ่เป็นของรัฐ หรือมีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับพรรครัฐบาล มีเพียงไม่กี่แห่งที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง การออกใบอนุญาตและการดำเนินงานของสื่อมักอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงสารสนเทศอย่างใกล้ชิด การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือผู้นำมักนำไปสู่การถูกคุกคามหรือปิดกิจการ ส่งผลให้เกิดความจำกัดในเนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอ ความหลากหลายทางความคิดเห็นจึงมีน้อยกว่าในประเทศไทยมาก บทบาทในการทำหน้าที่ : รายงานข่าว vs. เครื่องมือของรัฐ บทบาทของสื่อไทย […]

อ่านต่อ

“ฮุน เซน” ผู้นำที่โลกไม่ควรไว้ใจ – เผด็จการผู้รอดจากเขมรแดง สู่อำนาจ 40 ปีที่ยังไม่มีใครกล้าท้าชน

บทความโดย : สมปรารถนา หุงขุนทด บรรณาธิการข่าวทั่วไป จากเลือดเขมรแดง ถึงบัลลังก์ ฮุน เซน – เมื่อเผด็จการไม่เคยล้มหาย หากแค่เปลี่ยนมือ” บทความเชิงลึกที่ไม่อ้อมค้อม ว่าด้วยโศกนาฏกรรมในนามของอำนาจ และเงื่อนไขที่ทำให้ชายคนหนึ่งครองประเทศได้นานถึง 40 ปี พ.ศ. 2518 กัมพูชาเงียบงันด้วยเสียงของชัยชนะ เมื่อกองกำลัง เขมรแดง (Khmer Rouge) ภายใต้การนำของ พล พต (Pol Pot) ผู้นำกลุ่มเขมรแดง เข้ายึดกรุงพนมเปญได้สำเร็จ ทว่าเสียงแห่งชัยชนะนั้นแปรเปลี่ยนเป็นเสียงคร่ำครวญของประชาชนในเวลาไม่กี่เดือน ระบอบสุดโต่งที่ต้องการล้างสมองผู้คน ล้มล้างระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และทำลายชนชั้นปัญญาชนเริ่มลงมืออย่างไร้ปรานี เขมรแดงประกาศว่า “การศึกษาไม่จำเป็น” “ผู้รู้คือภัยของอุดมคติ” ส่งผลให้หมอ ครู นักวิชาการ แม้แต่ผู้ใส่แว่นหรือพูดต่างสำเนียง ถูกสังหารโดยไม่ต้องมีศาลตัดสิน ตลอด 4 ปีแห่งอำนาจเขมรแดง (1975–1979) มีชาวกัมพูชาราว 1.7 ถึง 2 ล้านคน หรือประมาณหนึ่งในสี่ของประชากรถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของรัฐ – ความตายอันเงียบงันที่สุดในศตวรรษที่ […]

อ่านต่อ

“กัมพูชา” ดันทีมสังเกตการณ์หยุดยิง จับมือมาเลย์แก้พิพาทชายแดน

พลเอกเตีย เซ็ยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ได้พบหารือกับ พลเอก โมฮัมหมัด นิซาม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพมาเลเซีย ซึ่งได้หารือเกี่ยวกับความขัดแย้งชายแดนกัมพูชา – ไทย รวมถึงการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา พลเอกเซ็ยฮา ระบุอีกว่า การที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพมาเลเซีย เข้าพบในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของมาเลเซียในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านของอาเซียน ที่จะแก้ไขปัญหาชายแดนกัมพูชา – ไทย โดยเริ่มต้นดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ในการพิสูจน์ว่ากัมพูชาได้ทำตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด จึงได้เชิญบุคคลที่สามเข้าร่วมสังเกตการณ์ ซึ่ง พลเอกเตีย เซ็ยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แจ้งว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชา จะนำคณะผู้แทนนักการทูต ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ เข้าตรวจสอบสถานการณ์จริงตามแนวชายแดนกัมพูชา – ไทย ก่อนหน้านี้ ทางการกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายไทย ตามการรายงานของเฟรชนิวส์ (Fresh News) สื่อท้องถิ่น ด้าน พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าว เมื่อ 29 […]

อ่านต่อ

ทำไม? ปี 2568 ไทย – กัมพูชา ถึงรบกันเดือดกว่า ปี 2554

เจาะลึกเบื้องหลังสงคราม! หรือเรากำลังตกหลุมกลยุทธ์ใครบางคนโดยไม่รู้ตัว? สาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง “ไทย–กัมพูชา” ในปี 2568 รุนแรง และขยายวงกว้างยิ่งกว่าการปะทะเมื่อปี 2554 นั้น อาจอธิบายได้จากปัจจัยหลายประการ ที่เชื่อมโยงทั้งด้านการเมืองระหว่างประเทศ , ความเปลี่ยนแปลงภายในสองประเทศ , และบริบทโลกในปัจจุบัน โดยสามารถวิเคราะห์ได้อย่างเป็นกลาง ดังนี้ 1.ภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยน ความมั่นใจทางทหารของกัมพูชาเพิ่มขึ้น ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา กัมพูชามีการเสริมกำลังทางทหารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการได้รับอาวุธหนัก และเทคโนโลยีจากจีน เช่น จรวด PHL-03, KS-1C และระบบป้องกันภัยทางอากาศ นั่นอาจทำให้กัมพูชา “กล้าท้าทาย” ประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ภายใต้ความมั่นใจว่าจะได้รับการหนุนหลัง หรือมีอำนาจต่อรองในเวทีโลกมากกว่าในอดีต สมัยปี 2554 การปะทะยังคงจำกัดอยู่ในระดับท้องถิ่น-ยุทธวิธี แต่ปี 2568 เราเริ่มเห็นการโจมตีเป้าหมายพลเรือน และการใช้อาวุธพิสัยไกลในเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นสัญญาณของการ “ยกระดับ” แนวคิดความขัดแย้ง 2.ช่องว่างทางการเมืองไทย – การทูตไม่แข็งแรง ในหลายช่วงของวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ฝ่ายการเมืองของไทยดูเหมือนจะส่งสัญญาณไม่ชัดเจนหรือไร้เอกภาพ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ลงพื้นที่ศูนย์พักพิงโดยไม่มีตำแหน่งทางการ […]

อ่านต่อ

จะเกิดอะไรขึ้น? หาก ไม่มีแรงงาน “กัมพูชา” ในประเทศไทยเลย

หาก ไม่มีแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยเลย จะส่งผลกระทบอย่างมากในหลายมิติ โดยเฉพาะด้าน เศรษฐกิจ, สังคม, และ ธุรกิจ ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์แยกตามด้านต่าง ๆ : 1.ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 2.ผลกระทบต่อภาคธุรกิจไทย 3.ผลกระทบทางสังคม สรุปภาพรวม : ด้านผลกระทบสำคัญ  อ่านข่าวอื่น ๆ :

อ่านต่อ