พลเอก เตีย เซรยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา สร้างความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ ด้วยการเดินทางเยือนมาเลเซียก่อนการประชุมคณะเลขาธิการ GBC (General Border Committee) เพื่อเดินหน้าล็อบบี้พันธมิตรสำคัญอย่างมาเลเซียและสหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายหลักคือการผลักดันข้อเสนอหยุดยิงและสร้างสันติภาพในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างจริงจัง
ตามข้อมูลจากเพจของ พลเอก เตีย เซรยฮา ระบุว่า ในการหารือกับ พลเอก โมฮัมหมัด นิซัม ผู้บัญชาการทหารบกมาเลเซีย เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยมาเลเซียแสดงความพร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการเจรจาหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา และพร้อมที่จะร่วมผลักดันเอกสารสำคัญ (TOR) และการจัดตั้ง คณะสังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team – AMT) ซึ่งกัมพูชามองว่าเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการติดตามและรับประกันการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างแท้จริง
พลเอก นิซัม ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสันติภาพด้วยคำพูดที่น่าสนใจว่า “สันติภาพนั้นมีค่ามาก” และ “ชีวิตนั้นมีค่า” รวมถึง “เวลาเป็นสิ่งสำคัญ” โดยกล่าวเสริมว่า “ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาทีที่เราใช้ในการเจรจา สามารถช่วยชีวิตทหารและประชาชนของเราได้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” ซึ่งสะท้อนถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์
นอกจากนี้ ในวันที่ 6 สิงหาคม พลเอก เตีย เซรยฮา ยังได้เข้าพบผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกาและเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำมาเลเซีย ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่ากัมพูชาต้องการให้ประเด็นความขัดแย้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาคมโลก
ในส่วนของการประชุมคณะเลขาธิการ GBC ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น กัมพูชาเปิดเผยว่าได้มีการแลกเปลี่ยนข้อเสนอที่สำคัญ และข้อเสนอหลายประการจากฝ่ายกัมพูชาได้รับการยอมรับจากฝ่ายไทย ขณะเดียวกันข้อเสนอของฝ่ายไทยก็มีบางส่วนที่กัมพูชาเห็นว่าเป็นประโยชน์และสามารถยอมรับได้
การเดินเกมเชิงรุกของกัมพูชาในครั้งนี้ ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการจัดตั้งคณะสังเกตการณ์อาเซียน (AMT) ที่อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ