เจาะลึกขบวนการ ‘สกัดขา’ และผู้ชนะบนกระดานอำนาจสีกากี

สถานการณ์ปัจจุบัน: ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษา “ยกฟ้อง” ในคดีบัญชีม้าที่เชื่อมโยงกับลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล (บิ๊กโจ๊ก) โดยศาลระบุว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดได้โดยปราศจากข้อสงสัย

คดีนี้คือ “สารตั้งต้น” ที่ถูกนำไปใช้เป็นเหตุผลในการออกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เมื่อศาลยกฟ้อง จึงเกิดคำถามสำคัญทางกฎหมายว่า “ต้นไม้ที่เป็นพิษ ย่อมส่งผลให้ผลไม้เป็นพิษด้วยหรือไม่?” หากคดีหลักล้มลง ความชอบธรรมของคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ย่อมสั่นคลอนทันที

ในสมรภูมิสีกากี ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและอำนาจ การต่อสู้ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของบุคคล แต่คือบททดสอบของกระบวนการยุติธรรมไทย ล่าสุดเมื่อศาลอาญากรุงเทพใต้ยกฟ้องคดีที่ถูกมองว่าเป็น “หัวหอก” ในการทำลายชื่อเสียงบิ๊กโจ๊ก แรงกระเพื่อมนี้ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความชอบธรรมของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ (บิ๊กต่าย) ในการรักษาคำสั่งให้ออกจากราชการ

ทฤษฎี “ต้นไม้พิษ”: ตามหลักกฎหมายอาญา หากการได้มาซึ่งพยานหลักฐานหรือการตั้งข้อกล่าวหาเริ่มต้นด้วยความไม่ชอบธรรม หรือพยานหลักฐานนั้นไม่สามารถพิสูจน์ความผิดได้ คำสั่งทางปกครองที่อาศัยข้อกล่าวหานั้นเป็นฐาน (อาทิ มาตรา 131 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565) ย่อมต้องถูกทบทวน การที่ “บิ๊กต่าย” ยังไม่คืนตำแหน่งให้บิ๊กโจ๊ก อาจเป็นการ “เดิมพัน” ครั้งสุดท้ายเพื่อรอผลจากศาลปกครองสูงสุด แต่ในทางจริยธรรมและบรรทัดฐานราชการ นี่คือการ “แช่แข็ง” ความยุติธรรม

เมื่อเราตัดเรื่อง “ถูกหรือผิด” ทางคดีออกไปก่อน แล้วมองที่ “ผลลัพธ์สุดท้าย” (Outcome) ว่าเมื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกตัดตอนออกจากเส้นทางอำนาจ ใครคือนักฉวยโอกาสที่ได้รับ “ปันผล” ก้อนโตที่สุด? เราสามารถแบ่งกลุ่มผู้ได้ประโยชน์ออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้:

1. ผู้ได้ประโยชน์ทางตรง: “คู่แข่งในลู่วิ่ง” (The Immediate Successors)

นี่คือกลุ่มที่เห็นผลชัดเจนที่สุด คือผู้ที่ได้รับตำแหน่งหรืออำนาจแทนที่ เมื่อตัวเต็งเบอร์ 1 หายไป

  • แคนดิเดต ผบ.ตร. สายตรง: การที่บิ๊กโจ๊ก ซึ่งมีความอาวุโสอันดับ 1 ถูก “แขวน” หรือ “ให้ออก” ทำให้ “ส้มหล่น” ไปที่แคนดิเดตลำดับถัดไปทันที (เช่น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ บิ๊กต่าย ที่ได้ขึ้นมามีบทบาทนำ)
  • วิเคราะห์เจาะลึก: หากบิ๊กโจ๊กยังอยู่ ตามกติกา พ.ร.บ.ตำรวจใหม่ที่เน้น “อาวุโส” เขาคือนอนมา แต่เมื่อมี “อุบัติเหตุทางคดี” กติกาอาวุโสจึงถูกข้ามไปโดยปริยาย ทำให้เก้าอี้ ผบ.ตร. กลายเป็นโควตาของขั้วอำนาจอื่นได้ง่ายขึ้น

2. ผู้ได้ประโยชน์ทางโครงสร้าง: “เครือข่ายอนุรักษ์นิยมสีกากี” (The Status Quo Guardians)

กลุ่มนี้ไม่ได้ต้องการตำแหน่ง แต่ต้องการ “รักษาระบบเดิม” ที่บิ๊กโจ๊กพยายามจะรื้อหรือเข้าแทรกแซง

  • กลุ่มตั๋วและระบบอุปถัมภ์: บิ๊กโจ๊กมีภาพลักษณ์ของ “คนทำงานที่เข้าถึงสื่อ” และมีแนวโน้มจะสร้างฐานอำนาจใหม่ (Empire Builder) ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อ “ขั้วอำนาจเก่า” ที่คุมโครงสร้างตั๋วช้างหรือการแต่งตั้งโยกย้ายเดิม การกำจัดบิ๊กโจ๊ก คือการการันตีว่า “ท่อน้ำเลี้ยง” และ “เส้นสาย” เดิมจะไม่ถูกรื้อถอน
  • วิเคราะห์เจาะลึก: บิ๊กโจ๊กคือนายตำรวจที่มีบารมีส่วนตัวสูง (Personal Charisma) เกินหน้าเกินตาองค์กร ซึ่งระบบราชการไทยมักไม่ชอบ “ดาวฤกษ์” ที่สว่างกว่านายหรือระบบ การเด็ดปีกเขาจึงทำให้ระบบการปกครองแบบ “รวมศูนย์” กลับมามั่นคงอีกครั้ง

3. ผู้ได้ประโยชน์ทางธุรกิจสีเทา: “คู่แข่งทางการตลาด” (The Rival Syndicates)

ในโลกสีเทา การปราบปรามมักหมายถึงการ “เปลี่ยนมือผู้ถือสัมปทาน”

  • เจ้าพ่อเว็บพนัน “อีกขั้วหนึ่ง”: การที่บิ๊กโจ๊กถูกเล่นงานด้วยเรื่อง “เว็บพนัน BNK Master” ทำให้เครือข่ายนี้ถูกทลาย แต่คำถามคือ “แล้วเว็บพนันอื่นๆ ล่ะ?”
  • วิเคราะห์เจาะลึก: หากมองว่านี่คือสงครามตัวแทนของธุรกิจสีเทา การที่บิ๊กโจ๊ก (ซึ่งถูกกล่าวหาว่าดูแลบางเว็บ) ล้มลง ย่อมเปิดทางให้ “เจ้าพ่อเว็บพนันรายอื่น” ที่ส่งส่วยให้ “ขั้วตรงข้าม” ผงาดขึ้นมายึดครองส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) แทน โดยไร้คู่แข่งที่มีแบ็คเป็นนายพลระดับสูงคอยกวนใจ

สงครามตัวแทนผ่านองค์คณะ: การที่บิ๊กโจ๊กฟ้ององค์คณะศาลปกครอง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ติดลบต่อกลไกตรวจสอบเดิม นี่ไม่ใช่แค่การฟ้องเพื่อเอาชนะ แต่เป็นการ “เปิดแผล” ให้สังคมเห็นว่าองค์กรที่ควรจะเป็นกลาง อาจถูกแทรกแซงโดยกลุ่มการเมืองเบื้องหลัง

บิ๊กโจ๊กควรได้รับความเป็นธรรมหรือไม่? หากยึดหลัก “บริสุทธิ์จนกว่าจะตัดสิน” คำตอบคือ “ใช่” แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ความเป็นธรรมถูกเปลี่ยนเป็น “หมาก” ในเกมอำนาจที่คนไทยต้องร่วมกันจับตา.

อ่านข่าวอื่น ๆ :

สั่งสินค้าได้ที่นี่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *