ชีวิต ‘ลำเพลิน วงศกร’: จุดพลิกผัน ‘ห่อหมกฮวก’ กับคำสัญญาเป็น ‘เสาหลัก’ ในวันที่สูญเสียคนที่รัก

เส้นทางจากเถียงนาสู่แกรมมี่โกลด์

ลำเพลิน วงศกร ศิลปินหนุ่มวัย 31 ปี ผู้คร่ำหวอดในวงการเพลงมานานกว่า 8 ปี (เริ่มต้นที่อายุ 23 ปี) ได้เปิดใจถึงการเดินทางในชีวิตที่เปรียบเสมือนการพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เขาเผยว่าแรงบันดาลใจเริ่มจากนักดนตรีอย่าง เบิ้ล ปทุมราช และ ก้อง ห้วยไร่ ที่นั่งดีดกีตาร์ในเถียงนา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขานำศักยภาพด้านดนตรีที่เรียนมาออกมาใช้

ลำเพลินเริ่มต้นจากการถูกชักชวนเข้าค่ายสิงห์มิวสิค ก่อนจะเข้าสู่การเซ็นสัญญากับค่ายใหญ่อย่างแกรมมี่โกลด์ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือตลอดระยะเวลา 6-7 ปี เขาเพิ่งมารู้ภายหลังว่า ครูสลา คุณวุฒิ คือผู้ที่มองเห็นศักยภาพและนำพาเขาเข้ามาในค่ายตั้งแต่แรก โดยครูสลาเลือกที่จะ “มองดูอยู่ห่าง ๆ” เพื่อให้เขาเติบโตและเดินทางด้วยตัวเอง ซึ่งลำเพลินมองว่าเป็นโอกาสที่ไม่เหมือนใครและสำคัญอย่างยิ่งในชีวิต

จุดพังที่สุด: ความสูญเสียในวันที่ฝันกำลังเป็นจริง

ชีวิตของลำเพลินเคยอยู่ในภาวะ “ติดลบ” เนื่องจากต้องอยู่กับคุณตาคุณยายมาตั้งแต่เด็กหลังพ่อแม่แยกทางกัน จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่และเป็นจุดที่ทำให้ชีวิตเสียศูนย์คือการจากไปของคุณตาด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก เมื่อวันที่ 6 เมษายน ก่อนที่เขาจะเซ็นสัญญากับแกรมมี่โกลด์เพียงไม่กี่วัน

ในวันที่คุณตานอนไม่รับรู้อาการ ลำเพลินได้กระซิบบอกว่า “ได้เป็นนักร้องแล้ว” แม้หมอจะบอกว่าผู้ป่วยรับรู้ได้ทางหู แต่ในวันที่ 8 เมษายน เมื่อเขาตัดสินใจบอกกับผู้เป็นที่รักว่า “ผมจะเป็นเสาหลักแทน ไม่ต้องห่วงอะไร” คุณตาของเขาก็จากไปในวันนั้นทันที เหตุการณ์นี้ทำให้เขาเสียศูนย์อย่างมาก แต่คำสัญญานั้นกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เขาลุกขึ้นยืนและสู้ต่อ เพื่อทำหน้าที่เป็นเสาหลักของครอบครัวให้สมกับที่ลั่นวาจาไว้

กำไรชีวิตจาก “ห่อหมกฮวก” และมุมมองใหม่

เพลง “ห่อหมกฮวกไปฝากป้า” คือเพลงที่ลำเพลินยอมรับว่าเป็น “เพลงที่แจ้งเกิดจริง ๆ” และเปลี่ยนชีวิตของเขาอย่างสิ้นเชิง จากความดังของเพลงที่หลายคนรู้จักแต่ไม่รู้จักนักร้อง เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางด้วยการรับงานแสดงละคร ซึ่งได้ผลดี ทำให้แฟนเพลงเริ่มรู้จักหน้าตาของเขาในฐานะนักร้องเจ้าของเพลงดังมากขึ้น

นอกจากนี้ การผ่านประสบการณ์ความสูญเสียและการประสบอุบัติเหตุรถชน ทำให้เขามองเห็นสัจธรรมและคุณค่าของชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะแนวคิดที่ว่า “ร่างกายเรานี่แหละคือสิ่งที่ทรยศที่สุด” เพราะไม่ว่าจะบำรุงอย่างไรก็ไม่สามารถสั่งให้มันไม่เจ็บไม่ป่วยได้ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงเริ่มศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง จนเกิดแนวคิดที่ต้องการจะไปบวช และใช้ชีวิตตามหลักธรรม (เช่น การกินข้าวเพียงมื้อเดียวในช่วงเข้าพรรษา) ลำเพลินมองว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือ “กำไร” ของชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยติดลบอย่างแท้จริง.

อ่านข่าวอื่น ๆ :

สั่งสินค้าได้เลยที่นี่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *