โอปอล์ สุชาตา เปิดใจทั้งน้ำตา: ความสำเร็จที่มาพร้อมความโดดเดี่ยว และบทเรียนชีวิตที่ไม่มีใครเคยรู้

“โอปอล์ สุชาตา” Miss World 2025 เปิดใจแบบหมดเปลือกกับ “WOODY FM” เผยเบื้องหลังเส้นทางสู่มงกุฎฟ้าที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พร้อมน้ำตาแห่งความรู้สึกผิดที่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ต้องแลกมาด้วยความโดดเดี่ยวและความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน

ในวัยเพียง 21 ปี โอปอล์เล่าว่าชีวิตหลังคว้ามงเปลี่ยนไปมาก ต้องปรับตัวกับวัฒนธรรมการทำงานระดับโลกที่แตกต่างจากไทยโดยสิ้นเชิง และเผชิญกับ “Culture Shock” ในหลายมิติ สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือการที่ต้องดูแลและจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด

คำถามง่ายๆ ที่ช่วยชีวิต : “สบายดีไหม?”

โอปอล์เผยว่าคำถามที่ถูกถามบ่อยที่สุดคือ “How are you doing?” ซึ่งเป็นคำถามเรียบง่ายแต่มีความหมายลึกซึ้ง เพราะเป็นเหมือนการเช็กอุณหภูมิของจิตใจ เป็นโอกาสให้เธอได้ระบายความรู้สึก หรือแม้แต่ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือในวันที่อ่อนล้า เธอเชื่อว่าทุกคนควรจะถามไถ่กันบ่อยๆ เพื่อให้ได้เปิดใจและช่วยเหลือกัน

จากเด็กสาว 18 สู่ Miss World 21: เส้นทางแห่งความมุ่งมั่น

กว่าจะมายืนอยู่จุดนี้ โอปอล์ยอมรับว่าเป็นการเดินทางที่หนักหนาสาหัส เธอค้นพบคุณค่าและความหมายในชีวิตผ่านเส้นทางนางงาม และรู้สึกซาบซึ้งกับโอกาสที่ได้รับ เธอย้อนเล่าถึงแผนการชีวิตที่วางไว้อย่างละเอียดตั้งแต่อายุยังน้อย และน่าทึ่งที่ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนนั้นอย่างไม่น่าเชื่อ เธอภูมิใจที่ได้ทำในสิ่งที่รักและใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าตั้งแต่วัยเพียง 21 ปี

เบื้องหลังความสำเร็จ: “ฉันร้องไห้หน้ากระจกมานับครั้งไม่ถ้วน”

โอปอล์เผยความลับสุดซึ้งที่ไม่เคยมีใครรู้ เธอมักจะซ้อมฉลองชัยชนะหน้ากระจกอยู่เสมอ โดยเปิดเพลงประกอบการประกาศผลและจินตนาการว่าตัวเองเป็นผู้คว้ามงกุฎ การซ้อมร้องไห้แห่งความดีใจนี้ทำให้เธอตระหนักว่าเธอ “ต้องการสิ่งนี้จริงๆ” และเป็นแรงผลักดันให้เธอต่อสู้จนคว้าความฝันมาได้

พลังแห่ง Manifestation: ฝันให้ใหญ่ และลงมือทำ

เมื่อถูกถามถึงพลังของการ Manifestation โอปอล์อธิบายว่ามันไม่ใช่แค่การฝันถึงสิ่งที่ต้องการ แต่คือการ “เตือนตัวเองว่าเมื่อฝันแล้ว ต้องลุกขึ้นไปทำอะไรต่อ” ไม่ใช่แค่นั่งขอพร แต่ต้องรู้ด้วยว่าจะทำอย่างไรให้ไปถึงจุดนั้น

ความสำเร็จที่โดดเดี่ยว: บทเรียนที่ต้องแลก

แม้จะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่โอปอล์กลับรู้สึกผิดและโดดเดี่ยว เธอยอมรับว่าจัดการเรื่องเวลากับเพื่อนและคนรอบข้างได้ไม่ดี ทำให้ความสัมพันธ์หลายอย่างห่างเหิน เธอบ้างานตั้งแต่ 18 ปี เลือกทำงานแทนที่จะใช้เวลากับเพื่อน และรู้สึกผิดที่เคยบอกคนอื่นให้รู้จักเห็นคุณค่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต ทั้งที่ตัวเองก็ละเลยสิ่งเหล่านั้นไป

“วันก่อนเพื่อนทักมาว่าไม่กล้ารบกวน เพราะกลัวจะขัดกับการเติบโตของเรา” โอปอล์เล่าพร้อมน้ำตา “รู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนภาษาอะไร เพื่อนถึงไม่กล้าทักมา”

เธอยอมรับว่าความทุ่มเทให้กับความฝันทำให้เธอละเลยความสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว แต่เมื่อมองย้อนกลับไป โอปอล์ก็ยังยืนยันว่า “มันคุ้มที่จะแลก” เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสนี้ และเธอภูมิใจที่ได้เรียนรู้จากทุกประสบการณ์ที่ผ่านมา.

อ่านข่าวอื่น ๆ :

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *