ท่องเที่ยวไทยเผชิญแรงกดดัน นักท่องเที่ยวต่างชาติ-รายได้โรงแรมลด รัฐต้องเร่งออกมาตรการดึงนักท่องเที่ยว

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี 2568 กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ทั้งในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและรายได้จากภาคโรงแรม ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่รายได้โรงแรมลดลง สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างชัดเจน

ข้อมูลจาก Reuters ระบุว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพียง 21.9 ล้านคน ลดลง 7.16% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้รัฐบาลต้องปรับคาดการณ์ยอดรวมตลอดปีเหลือ 33 ล้านคน จากเดิมที่คาดไว้ 37 ล้านคน

ขณะเดียวกัน Nation Thailand รายงานว่า ภาคโรงแรมในไทยประสบภาวะรายได้ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าพักลดลง ขณะที่ต้นทุนการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น ทั้งค่าแรง พลังงาน และวัตถุดิบ

ปัญหานี้ไม่ได้เป็นเพียง “ฤดูกาลท่องเที่ยว” แต่สะท้อนแรงกดดันโครงสร้างและการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ที่มีมาตรการวีซ่าเสรีและแคมเปญดึงนักท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น ทำให้ประเทศไทยสูญเสียความได้เปรียบด้านราคาและความคุ้มค่า

สาเหตุสำคัญ

  • ค่าใช้จ่ายในไทยสูงขึ้น ทั้งค่าที่พัก ค่าธรรมเนียม และค่าเดินทาง
  • ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและเสถียรภาพการเมืองยังเป็นประเด็น
  • กำลังซื้อใหม่จากนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียชะลอตัว
  • ต้นทุนภาคโรงแรมสูงขึ้นแต่ราคาไม่สามารถขึ้นตามได้

แนวทางแก้ไข

เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ ผู้เชี่ยวชาญเสนอว่า รัฐบาลควรดำเนินมาตรการในสองระยะ

ระยะสั้น (6–12 เดือน)

  • ขยายมาตรการวีซ่าฟรีและ Multiple-entry Visa ให้ประเทศตลาดหลัก
  • ทำแคมเปญร่วมกับสายการบินลดค่าโดยสาร
  • ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหรือออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ธุรกิจโรงแรม

ระยะกลาง–ยาว (1–3 ปี)

  • พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เช่น Wellness Tourism, Medical Tourism, Green Tourism
  • ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการเดินทางเชื่อมเมืองท่องเที่ยว
  • ทำแคมเปญ “Thailand Reimagine” ย้ำภาพลักษณ์ปลอดภัย ยั่งยืน และคุ้มค่า
  • ยกระดับทักษะแรงงานท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

ตัวเลขนักท่องเที่ยวและรายได้โรงแรมที่ลดลง เป็นสัญญาณเตือนให้ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันปรับกลยุทธ์เชิงโครงสร้าง เพื่อรักษาสถานะของไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวชั้นนำของโลกในอนาคต.

อ่านข่าวอื่น ๆ :

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *