วันที่ 13 ส.ค. 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่ 2 และ 3 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายแปรญัตติขอลดงบประมาณรวม 5% พร้อมชี้ว่า งบปี 69 คิดไม่รอบคอบ ไม่เจาะลึก และไม่แก้ปัญหา “สองวิกฤต-สองสงคราม” ที่ประเทศกำลังเผชิญ
ณัฐพงษ์ ระบุว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญทั้ง วิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา, ความไม่มั่นคงทางการเมือง, รวมถึง สงครามทางการค้า แต่ร่างงบฯ กลับไม่จัดสรรเม็ดเงินรองรับวิกฤตเหล่านี้อย่างเพียงพอ และงบลงทุนส่วนใหญ่ยังเน้นสร้างตึก ตัดถนน ขุดคลอง ไม่ใช่ “การลงทุนเพื่ออนาคต”
แม้ว่ากรรมาธิการวิสามัญสามารถปรับลดงบประมาณได้ 8,921 ล้านบาท หรือ 0.24% ของงบรวม ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว แต่ยังต่ำกว่ามาตรฐาน 5 ปีที่ผ่านมา และงบลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ถูกใช้ให้เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง
ณัฐพงษ์ วิจารณ์ว่า งบประมาณปีนี้ขาดความ รอบคอบ โปร่งใส และไร้ทิศทาง ทั้งเงินนอกงบประมาณที่ตรวจสอบยาก และงบประมาณจัดอีเวนต์ 7,000 ล้านบาท รวมถึงแอปพลิเคชันซ้ำซ้อนอีกกว่า 2,500 ล้านบาท ทั้งที่ประชาชนยังเผชิญปัญหาอุทกภัยและชายแดน
“ถ้าไม่ปฏิรูประบบงบประมาณ รัฐจะไม่เห็นภาพรวมเงินทุกกระเป๋า และไม่สามารถลงทุนตรงจุดให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศได้” ณัฐพงษ์กล่าว พร้อมเสนอแนวทางลงทุนใหม่ เช่น
– ปลูกป่าเศรษฐกิจและพัฒนาอุตสาหกรรมวัสดุลดคาร์บอน
– ลงทุนเมืองรองและคุณภาพชีวิตประชาชน
– โซลาร์บนหลังคาประชาชน และพลังงานสะอาด
– พัฒนาข้าวหอมมะลิและข้าวรักษ์โลกเพื่อตลาดอนาคต
ทั้งนี้ ณัฐพงษ์ สรุปว่า ร่างงบประมาณปี 2569 คิดไม่รอบ-ไม่ลึก จึงจำเป็นต้องสงวนคำแปรญัตติ ลดกรอบวงเงินเพื่อเปิดพื้นที่ทางการคลังสำหรับ การลงทุนที่สร้างอนาคตให้ประเทศไทย