วันที่ 13 ส.ค.2568 – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ทหารพรานกองร้อย 2610 จำนวน 7 นาย เหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ช่องจุบตะโมก จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ซ้ำซากที่สะท้อนถึงพฤติกรรมไม่สุจริตใจของกัมพูชา และขัดต่ออนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ
“ผมได้โทรศัพท์หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อขอให้ใช้กลไกในกรอบอนุสัญญาดังกล่าวไต่สวนการละเมิดของกัมพูชา โดยฝ่ายเลขาธิการอนุสัญญาออตตาวาได้ตอบกลับมาแล้ว” นายมาริษกล่าว
นอกจากนี้ ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ จะมีการหารือร่วมกับประเทศผู้บริจาคในกรอบอนุสัญญาออตตาวา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความล่าช้าและความไม่ร่วมมือของกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดผ่านการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ซึ่งไทยได้เสนอเรื่องนี้แต่ถูกกัมพูชาปฏิเสธ
“ผมยังได้ติดต่อรัฐมนตรีต่างประเทศของมาเลเซียและสิงคโปร์ เพื่อขอให้ใช้กลไกอาเซียนในการกดดันกัมพูชาให้ร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างเร่งด่วน” นายมาริษเสริม
ในช่วงที่เดินทางเยือนนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายมาริษยังได้พบกับนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ และรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น เพื่อประท้วงถึงความไม่จริงใจของกัมพูชาในประเด็นนี้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ส่งจดหมายร้องเรียนถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และเลขาธิการสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา กล่าวหาฝ่ายไทยละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน นายมาริษยืนยันว่า กัมพูชาไม่มีหลักฐานชัดเจน ขณะที่ไทยมีข้อมูลแน่นหนาถึงการยั่วยุและการวางทุ่นระเบิด และจนถึงปัจจุบัน UNSC ยังไม่มีการประชุมหรือพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง