
นโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นนโยบายที่ได้รับความสนใจมากในช่วงการเลือกตั้ง 2566 โดยเฉพาะจากสองพรรคใหญ่คือ พรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล ซึ่งทั้งสองพรรคต่างชูนโยบายที่ดูคล้ายกันในชื่อ แต่มีรายละเอียดและแนวทางการดำเนินงานที่ต่างกันอย่างชัดเจน
🔴 พรรคเพื่อไทย: “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ใช้ได้ทันทีที่รัฐบาลเพื่อไทยเข้ามา”
✅ จุดเด่นและรายละเอียด
ลักษณะของนโยบาย: เป็น นโยบายบรรเทาค่าครองชีพในระยะเร่งด่วน โดยมุ่งทำให้ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” เป็นจริงในทันที โดยใช้เงินอุดหนุนจากรัฐ
รูปแบบการทำ :
– ภาครัฐเข้าไป อุดหนุนค่าโดยสารแทนประชาชน
– ใช้กฎหมายควบคุมราคา หรือเจรจากับเอกชนที่ถือสัมปทานอยู่ให้ลดราคา
– ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างสัมปทานหรือเจ้าของระบบ
– ใช้บัตรเดียวโดยสารได้ทุกระบบ
เป้าหมาย
- ลดภาระค่าครองชีพประชาชนทันที โดยเฉพาะคนหาเช้ากินค่ำ
- ครอบคลุม ทุกเส้นทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล (รวมถึงรถไฟฟ้าสายเอกชน เช่น BTS, MRT)
จุดแข็ง
– เห็นผลไว ใช้ได้จริงในระยะเวลาอันใกล้
– ประชาชนได้ประโยชน์ทันที
⚠️ ข้อวิจารณ์
– อาจทำให้รัฐต้องอุดหนุนค่าโดยสารเป็นวงเงินมหาศาลในแต่ละปี
– ไม่แก้ปัญหาโครงสร้างต้นทุนจริง เช่น สัมปทานที่แพง
– เป็นนโยบาย พึ่งรัฐมากกว่าปฏิรูประบบ
🟠 พรรคก้าวไกล: “ปฏิรูปรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ด้วยการลดต้นทุนและคืนอำนาจรัฐ”
✅ จุดเด่นและรายละเอียด
ลักษณะของนโยบาย: เป็น นโยบายปฏิรูประบบโครงสร้างการเดินทาง เพื่อลดราคาค่าโดยสารให้ยั่งยืน
รูปแบบการทำ :
– แก้ไขหรือยกเลิก สัมปทานที่ไม่เป็นธรรม กับเอกชน (เช่น BTS)
– ให้รัฐเป็นผู้บริหารโครงสร้างพื้นฐานและการเดินรถเอง (คล้ายกับโมเดลต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์)
– รัฐซื้อหรือเจรจาโอนทรัพย์สินโครงสร้าง (เช่น ราง, ระบบอาณัติสัญญาณ) กลับมาอยู่ในมือรัฐ
– ควบรวมการเดินรถทุกสายให้เป็น “ระบบเดียว” โดยมีโครงสร้างราคาที่ต่ำลงตามต้นทุนจริง
– ลดภาษีนำเข้าอุปกรณ์ขนส่งสาธารณะ ลดต้นทุนด้านพลังงาน
เป้าหมาย
- ให้ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” เกิดขึ้นจาก ต้นทุนที่แท้จริงลดลง ไม่ใช่จากการอุดหนุน
- เปลี่ยนระบบจาก “ขนส่งเชิงพาณิชย์” เป็น “ขนส่งเพื่อสาธารณะ”
จุดแข็ง
– เป็นการแก้ที่ “รากของปัญหา” และยั่งยืน
– ลดการผูกขาดและสัมปทานที่เอาเปรียบรัฐ
– ส่งเสริมการแข่งขันและความโปร่งใส
⚠️ ข้อวิจารณ์
– ต้องใช้เวลาและอำนาจรัฐจำนวนมาก
– อาจติดข้อกฎหมาย, สัมปทานเดิม, และแรงต้านจากกลุ่มทุน
– มีความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายสูงในช่วงเปลี่ยนผ่าน
ตารางเปรียบเทียบโดยสรุป
หัวข้อ พรรคเพื่อไทย & พรรคก้าวไกล(พรรคประชาชน)
เป้าหมาย ลดค่าครองชีพทันที ปฏิรูประบบให้ยั่งยืน
วิธีทำ อุดหนุนราคาด้วยงบรัฐ ลดต้นทุนจากการรื้อสัมปทาน
โครงสร้างสัมปทาน คงไว้ เจรจาลดราคา ปรับใหม่หรือยกเลิกสัมปทาน
เวลาเห็นผล ระยะสั้น เห็นผลทันที ระยะกลางถึงยาว
ความยั่งยืนของระบบ พึ่งพางบประมาณรัฐ ปรับโครงสร้างให้รัฐถือระบบ
แรงต้าน/ความท้าทาย งบประมาณสูงทุกปี การต่อสู้ทางกฎหมายกับเอกชน
บทสรุป
หากต้องการ ผลลัพธ์เร็ว เห็นผลไว แบบ “ใช้ได้เลยพรุ่งนี้” นโยบายของ พรรคเพื่อไทย น่าจะตอบโจทย์
หากมองว่าเราควร “แก้ระบบ” ให้โปร่งใส ยุติธรรม และไม่ต้องพึ่งรัฐตลอดไป แนวทางของ พรรคก้าวไกล อาจตอบโจทย์ในระยะยาว
ดังนั้น ทั้งสองพรรคจึงต่างกันที่ “มุมมองต่อรัฐและทุน” — เพื่อไทยเชื่อในบทบาทรัฐเป็นผู้ช่วยเหลือระยะสั้น ส่วนก้าวไกลเชื่อว่ารัฐควรจัดการระบบให้เป็นธรรมและยั่งยืนตั้งแต่ต้นทาง