
สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาน่าเป็นห่วงอีกครั้ง หลังเกิดเหตุกราดยิงและลอบยิงต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ ไปจนถึงนักบวชในพื้นที่
เริ่มตั้งแต่เหตุลอบยิงอดีตครูสอนศาสนาเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ตามด้วยการลอบยิงสามเณรในวันที่ 22 เม.ย. และเหตุสลดเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่คนร้ายบุกยิงแม่ลูกที่ตาบอดจนเสียชีวิต รวมถึงผู้สูงอายุกับเด็กอีกหลายราย และล่าสุดคือการยิงชายชาวบ้านเสียชีวิตใน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา
เหตุการณ์เหล่านี้สร้างความเศร้าโศกและความโกรธแค้นไปทั่ว ไม่เพียงแต่ในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังสะเทือนไปถึงประชาชนทั่วประเทศ ทั้งชาวพุทธและมุสลิมต่างหวาดระแวงกันมากขึ้น ส่งผลต่อกระบวนการสร้างสันติภาพที่เปราะบางอยู่แล้วให้ยิ่งถดถอย
ล่าสุด พรรคประชาชน ออกจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง พร้อมชี้ว่าการสังหารพลเรือน ไม่เพียงขัดต่อหลักศาสนาและมนุษยธรรม แต่ยังทำลายความชอบธรรมของขบวนการที่อ้างว่า “ต่อสู้เพื่อประชาชน”
พรรคประชาชน ยังระบุว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะยิ่งทำให้ความเกลียดชังเพิ่มขึ้น และผลักให้สังคมเรียกร้องการตอบโต้ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงไม่รู้จบ ซึ่งจะบั่นทอนอนาคตของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในพื้นที่
เรียกร้องรัฐบาลเร่งคืนโต๊ะเจรจา
ในจดหมายยังมีข้อความถึงรัฐบาล นำโดยนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร โดยชี้ว่า ความล่าช้าและไร้ทิศทางของกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพในช่วงปีที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ความรุนแรงกลับมาปะทุอีกครั้ง
พรรคประชาชน เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งฟื้นฟูกระบวนการเจรจาให้ชัดเจน และเปิดพื้นที่ให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าผู้ที่มีอำนาจหยุดยั้งความรุนแรงในพื้นที่ ต้องเข้าร่วมโต๊ะพูดคุยด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อกระบวนการ
“ไฟดับไฟไม่ได้” พรรคย้ำต้องยุติวงจรรุนแรง
ท้ายจดหมาย พรรคประชาชนส่งสารถึงประชาชนไทยทุกศาสนา ให้ร่วมกันยืนหยัดต่อสันติภาพ พร้อมเตือนว่าการใช้ความโกรธและความกลัวเป็นตัวนำทาง จะมีแต่ผลักให้ความรุนแรงบานปลาย
“ไฟไม่สามารถดับไฟได้” คือถ้อยคำเตือนจากพรรคที่สรุปได้อย่างหนักแน่นว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าสู่โต๊ะเจรจา ใช้การเมืองและสันติวิธีในการแก้ปัญหา ก่อนที่สถานการณ์จะถลำลึกจนไม่อาจย้อนกลับ
