กรุงเทพฯ – ย้อนไปเมื่อ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา “แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี” กล่าวถึงความคืบหน้าถึงแผนการเดินทางเจรจากับสหรัฐอเมริกาว่า วันที่ 23 เมษายน นี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเดินทางไปพูดคุยกับระดับรัฐมนตรีสหรัฐฯ
โดยยืนยันว่า ประเด็นในการเจรจาที่ไทยจะนำไปต่อรองกับสหรัฐฯ ค่อนข้างมีความแข็งแรง และมั่นใจว่าจะส่งผลบวกและเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ ซึ่งจะมีการพูดคุยกันอย่างแฟร์ ๆ เพราะไทยกับสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนาน เชื่อว่าน่าจะเป็นผลดี
ส่วนรายละเอียดที่จะมีการเจรจานั้นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการค้าเป็นหลัก และได้เน้นย้ำว่า จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศ
ย้อนดู 5 แนวทางในการเจรจาของไทย มีอะไรบ้าง อ้างอิงบทความจาก The Standard ที่เปิดข้อมูลนี้ ว่ามี 5 แนวทาง คือ
- เน้นความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่เกื้อหนุนกัน เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งไทยมีจุดแข็งด้านการผลิตคุณภาพสูง ส่วนสหรัฐฯ มีความสามารถด้านวัตถุดิบต้นทาง เทคโนโลยี และเกษตรกรรมระดับพรีเมียม หากเกิดความร่วมมือกัน คาดว่าจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมให้แข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้น
- พร้อมเปิดตลาดและลดภาษีในสินค้าเกษตร ภายใต้กรอบ National Trade Estimate 2025 ของสหรัฐฯ เช่น ข้าวโพด จากสหรัฐ โดยใช้โควตานำเข้าแบบยืดหยุ่นรักษาสมดุลเพื่อให้ไม่กระทบผู้ผลิตในประเทศ
- เพิ่มการนำเข้าสินค้าที่จำเป็นจากสหรัฐ ที่ไทยไม่สามารถผลิตเองได้ เช่น ก๊าซธรรมชาติ เครื่องบินพาณิชย์ และผลไม้เมืองหนาว ซึ่งจะช่วยลดดุลการค้าและสร้างสมดุลในเชิงเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เช่น มีแผนนำเข้าก๊าซธรรมชาติ (LNG) จากสหรัฐฯ เพิ่มอย่างน้อย 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.98 หมื่นล้านบาท
- เสนอคัดกรองสินค้าส่งออก เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์จากประเทศที่สาม ทั้งการตรวจสอบแหล่งที่มาของวัตถุดิบและโรงงานผลิต เน้นความโปร่งใสและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์สากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในฐานะคู่ค้า
- ส่งเสริมการลงทุนของไทยในอุตสาหกรรมแปรรูปภายในสหรัฐ เพื่อลดแรงต้านทางการค้า โดยมีแผนผลักดันให้ภาคเอกชนไทยลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปในสหรัฐ เพื่อช่วยขยาย value chain ใหม่ และลดแรงเสียดทานจากนโยบายภาษีของทรัมป์
รายงานข่าวระบุว่า สำหรับกรอบการเจรจาข้างต้นนั้นสืบเนื่องมาจาก รัฐบาลได้แต่งตั้ง “คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐ” ตั้งแต่ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2568 เพื่อศึกษาวางแผนและรับมือนโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยกับสหรัฐ เพื่อให้มีทิศทางที่ชัดเจน และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการค้า และการลงทุนของประเทศ
โดยมีทีมงานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ ประกอบด้วย
- พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี
- ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี
- วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์
- นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
- ฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
- โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
- ใจไทย อุปการนิติเกษตร รองอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้
- ขวัญนภา ผิวนิล นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ
- โอม บัวเขียว คณะทำงานประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี

ต่อมาในวันที่ 8 เมษายน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้แต่งตั้ง พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าคณะในการเจรจากับสหรัฐฯ พร้อมด้วยกับ พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และล่าสุดเตรียมเดินทางไปพูดคุยกับระดับรัฐมนตรีสหรัฐฯ ในวันที่ 23 เมษายนนี้ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
หอการค้าจับตาผลเจรจา หากไม่คืบ ออเดอร์ไตรมาส 2 เดี้ยง
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีที่ทีมไทยแลนด์ มีกำหนดการเตรียมเดินทางไปเจรจากับสหรัฐฯ เกี่ยวกับประเด็นภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่สหรัฐฯ โดยปัจจุบันจากข้อมูลเข้าใจว่ามี พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าคณะเจรจาของไทย ร่วมกับพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำทีมไทยแลนด์เดินทางไปเจรจา โดยขณะนี้หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยังไม่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาลให้ร่วมเดินทางไปกับทีมไทยแลนด์ที่เตรียมเดินทางไปเจรจากับสหรัฐฯ ด้วย

“ส่วนข้อเสนอของภาคเอกชนที่เสนอไปต่อรัฐบาล เราได้ทำข้อมูลเสนอให้กับทางรัฐบาลไปหมดแล้วจึงสรุป เป็นแนวทาง 5 แผนงาน ก่อนหน้านี้ที่รัฐบาลแถลงแผนไปแล้วก่อนหน้านี้” ดร.พจน์ กล่าว
สำหรับจากนี้ไปในฝั่งเอกชนขณะนี้จะรอติดตามผลความคืบหน้าของการเจรจาของรัฐบาลกับสหรัฐฯ โดยจะรอให้ทีมไทยแลนด์กลับมาก่อน จากนั้นจึงจะมีการอัปเดตข้อมูลผลความคืบหน้าในการเจรจา จากนั้นจึงจะมีการนัดภาคเอกชนเพื่อกำหนดท่าทีและแผนรับมือในฝั่งของภาคเอกชนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากบรรยากาศยังเป็นอย่างนี้ ตัวเลขส่งออกในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม จะหายไปเยอะ ซึ่งตอนนี้ออเดอร์ยังเงียบอยู่มาก อย่างไรก็ตาม พจน์ระบุอีกว่า เร็วๆ นี้จะนำทีมหอการค้าไทย และสมาชิกที่มีความพร้อมและสนใจอยากจะลงทุนในสหรัฐ ร่วมหอการค้าอเมริกาในไทย และทีมรัฐบาลเพื่อเข้างาน “SelectUSA” ที่ทุกมลรัฐของอเมริกาได้เชิญชวนไปลงทุน ซึ่งจะพาผู้บริหารของบริษัทที่มีศักยภาพไปดูลู่ทางเพื่อขยายการลงทุนในครั้งนี้ เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสสำหรับประเทศไทย ซึ่งมีกำหนดเดินทางในช่วงวันที่ 9-14 พฤษภาคมนี้ จากนั้นช่วงวันที่ 19-21 พฤษภาคม ในไทย จะมีการสัมมนาไทย-สหรัฐ เพื่อดึงการลงทุนระหว่างประเทศไทย-สหรัฐ.
อ่านข่าวอื่น ๆ :
- สินค้าไทยสะเทือน! ทรัมป์ขึ้นภาษี 36% กระทบหนักอิเล็กทรอนิกส์-ยานยนต์-อาหารทะเล
- เปย์โปรเด็ดสิ้นเดือนรับซัมเมอร์ เสิร์ฟครอบครัวสายช้อปทั่วไทย กับแคมเปญ “ROBINSON PAYDAY” ช้อปสุดมันส์ วันสิ้นเดือน
- “คลัง” เปิดตัว “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” หนุน SMEs ซื้อรถใหม่ ฟรีค่าค้ำ 3 ปี ดันเศรษฐกิจ 2.1 หมื่นล้าน!


