สหรัฐอเมริกาได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรด้วยการจำกัดวีซ่าสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยทั้งในอดีตและปัจจุบันที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งตัวชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับไปยังประเทศจีนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568

เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศว่า สหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรด้านวีซ่ากับเจ้าหน้าที่ของไทยที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับไปยังประเทศจีน ซึ่งสหรัฐฯ เชื่อว่าชาวมุสลิมกลุ่มนี้อาจต้องเผชิญกับการถูกทรมานและบังคับสูญหาย
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า “สหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับความพยายามของจีนในการกดดันรัฐบาลต่างๆ ให้ส่งชาวอุยกูร์และกลุ่มอื่นๆ กลับไปยังจีน ซึ่งพวกเขาจะต้องเผชิญกับการทรมานและบังคับสูญหาย”
มาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ ดูเหมือนมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ดำเนินการเช่นนี้อีก
ประเทศไทยส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังจีนในเดือนก.พ. แม้ว่าพวกเขาได้ถูกควบคุมตัวมานานถึง 10 ปี โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (UN) เตือนว่า หากถูกส่งกลับ พวกเขาอาจถูกทรมาน ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย หรือได้รับอันตรายร้ายแรง
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แคนาดาและสหรัฐฯ เสนอที่จะรับชาวอุยกูร์ 48 คนเพื่อย้ายถิ่นฐาน แต่ไทยกลับกังวลว่า จะทำให้จีนไม่พอใจ
รูบิโอ กล่าวว่า “ผมจะดำเนินนโยบายนี้ทันที โดยการกำหนดข้อจำกัดในการออกวีซ่าสำหรับเจ้าหน้าที่ปัจจุบันและอดีตจากรัฐบาลไทยที่รับผิดชอบหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนจากประเทศไทยในวันที่ 27 ก.พ.”
เหตุผลหลักที่สหรัฐฯ ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรมีดังนี้
1. ความกังวลด้านสิทธิมนุษยชน : ชาวอุยกูร์เป็นชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคซินเจียงของจีน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าถูกกดขี่ข่มเหงอย่างรุนแรง รวมถึงการกักขังในค่ายแรงงานและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ สหรัฐฯ และประเทศตะวันตกบางประเทศได้ระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ดังนั้น การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีนจึงเสี่ยงต่อการที่พวกเขาจะถูกทรมานหรือถูกบังคับให้สูญหาย
2. การละเมิดหลักการไม่ส่งกลับ (Non-Refoulement) : หลักการนี้เป็นหลักการสากลที่ห้ามไม่ให้ประเทศใด ๆ ส่งตัวบุคคลไปยังประเทศที่พวกเขาอาจเผชิญกับการประหัตประหารหรือการละเมิดสิทธิมนุษยชน การที่ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนถูกมองว่าเป็นการละเมิดหลักการนี้
3. การส่งสัญญาณไปยังประเทศอื่น ๆ : สหรัฐฯ ต้องการส่งข้อความชัดเจนไปยังประเทศต่าง ๆ ว่าการร่วมมือกับจีนในการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจะมีผลกระทบทางการทูต เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศอื่น ๆ ทำเช่นเดียวกัน

มาตรการคว่ำบาตรนี้รวมถึงการจำกัดวีซ่าสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งอาจขยายไปถึงสมาชิกครอบครัวของพวกเขาด้วย อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนหรือรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่ถูกคว่ำบาตรยังไม่ได้รับการเปิดเผย
สหรัฐฯ ยืนยันว่าจะดำเนินการต่อสู้กับความพยายามของจีนในการกดดันรัฐบาลต่าง ๆ ให้ส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน และเรียกร้องให้ทุกประเทศปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล

ผลกระทบที่ไทยต้องเจอเมื่อถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร
การที่สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน อาจส่งผลกระทบต่อไทยในหลายด้าน ดังนี้
1. ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหรัฐฯ
▪️มาตรการคว่ำบาตรนี้อาจทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ตึงเครียดขึ้น
▪️สหรัฐฯ อาจใช้มาตรการกดดันอื่น ๆ เช่น ลดระดับความร่วมมือทางการเมืองและการทหาร
▪️ไทยอาจต้องเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐฯ ให้ปรับเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับชาวอุยกูร์และสิทธิมนุษยชน
2. ผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่ไทยที่ถูกคว่ำบาตร
▪️เจ้าหน้าที่ที่ถูกคว่ำบาตรและครอบครัวอาจถูกห้ามเข้าประเทศสหรัฐฯ
▪️อาจมีการอายัดทรัพย์สินในสหรัฐฯ (หากมี) หรือจำกัดธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ
▪️อาจมีผลต่อความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นในเวทีระหว่างประเทศ
3. ผลกระทบทางเศรษฐกิจและการค้า
▪️หากความตึงเครียดระหว่างไทยกับสหรัฐฯ รุนแรงขึ้น อาจส่งผลต่อการค้าระหว่างสองประเทศ
▪️ไทยอาจถูกกดดันให้ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนที่เคร่งครัดขึ้น เพื่อคงสิทธิพิเศษทางการค้า เช่น GSP (Generalized System of Preferences)
▪️นักลงทุนต่างชาติอาจมองว่าไทยมีความเสี่ยงทางการเมืองและสิทธิมนุษยชน ซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนจากประเทศตะวันตก
4. ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในเวทีโลก
▪️ไทยอาจถูกจับตามองจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและสหประชาชาติ (UN)
▪️อาจส่งผลต่อคะแนนด้านสิทธิมนุษยชนของไทยในรายงานขององค์กรระหว่างประเทศ เช่น Human Rights Watch และ Freedom House
▪️อาจถูกใช้เป็นกรณีตัวอย่างของการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศ
5. ความสัมพันธ์กับจีน
▪️ไทยอาจต้องเลือกจุดยืนระหว่างการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน หรือการลดแรงกดดันจากสหรัฐฯ
▪️หากไทยเลือกโอนเอียงไปทางจีนมากขึ้น อาจกระทบต่อดุลยภาพทางการเมืองระหว่างประเทศของไทย
ทางเลือกของไทยเพื่อลดผลกระทบ
▪️แสดงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับหลักสิทธิมนุษยชนและความโปร่งใสในการดำเนินนโยบาย
▪️เจรจากับสหรัฐฯ เพื่อจำกัดขอบเขตของมาตรการคว่ำบาตร
▪️สร้างสมดุลทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ

โดยรวมแล้ว ไทยอาจต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากประชาคมระหว่างประเทศ และอาจต้องปรับนโยบายบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงกว่านี้ในอนาคต