สุดแสบ! นายหน้าสาวอ้างเป็นทูต หลอกแรงงานฝันสลาย ศาลพิพากษาจำคุก 20 ปี คืนเงินเหยื่อ 10 ล้าน

ศาลบุรีรัมย์พิพากษาจำคุกนายหน้าสาวสุดแสบ อ้างตัวเป็นทูตหลอกแรงงาน 166 คนไปทำงานออสเตรเลียลงโทษจำคุก 830 ปี แต่โทษสูงสุดตามกฎหมายสูงสุดแค่ 20 ปี พร้อมชดใช้เงินคืนเหยื่อกว่า 10 ล้าน เดินหน้าสอบเส้นเงินเอาผิดพ่อ แม่ ตา ยาย และแฟนที่ร่วมขบวนการ ผู้เสียหายเผยดีใจและขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม

วันที่ 21 สิงหาคม 2568 – ความคืบหน้ากรณีที่แรงงานชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ 166 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.พุทไธสง ให้เอาผิด น.ส.ออย อายุ 28 ปี ซึ่งแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตออสเตรเลีย ร่วมกับพ่อซึ่งเป็นอดีตรองนายก อบต. แม่ ตา ยาย แฟน และอดีตรองปลัด อบต. รวม 7 คน หลอกลวงจะพาไปทำงานภาคเกษตร และโรงแรม ที่ประเทศออสเตรเลีย อ้างว่ามีค่าแรงสูงถึงหลักแสนบาท โดยได้เรียกเก็บค่าดำเนินการจากแรงงานที่หลงเชื่อ รายละ 60,000-120,000 บาท รวมเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท แต่สุดท้ายแรงงานทั้งหมดกลับถูกลอยแพไม่ได้ไปทำงานตามที่ น.ส.ออย กล่าวอ้าง

กระทั่งวันที่ 22 ม.ค. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พุทไธสง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ได้จับกุม น.ส.ออย ตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ 22/2568 ในฐานความผิด “ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปทำงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” จากนั้นพนักงานอัยการได้มีการพิจารณาสั่งฟ้อง

เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ทนายความอาสา จากสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยผู้เสียหาย ก็ได้เดินทางไปยังศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อฟังคำพิพากษาของศาล ขณะที่ น.ส.ออย จำเลยในคดีก็ถูกเบิกตัวจากเรือนจำบุรีรัมย์ เพื่อมาฟังคำพิพากษาศาลเช่นกันโดยนายดรินทร์ ชาญณรงค์ ทนายอาสา จากสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ระบุว่า วันนี้ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ได้อ่านคำพิพากษาต่อหน้าจำเลย และผู้เสียหาย โดยได้พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ให้จำคุกจำเลยทุกกระทงความผิด 166 กระทง เป็นเวลา 830 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือคงจำคุก 332 ปี 996 เดือน แต่ตามประมวลกฎหมายอาญาลงโทษได้สูงสุดไม่เกิน 20 ปี จึงคงเหลือจำคุก 20 ปี พร้อมให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย อีก 10,790,000 บาท ซึ่งทรัพย์สินบางส่วนของจำเลยในคดีนี้ ก็ได้มีการอายัดไว้แล้วส่วนผู้ที่ผู้เสียหายให้การกับเจ้าหน้าที่ว่ามีผู้ร่วมในการกระทำผิดอีก 6 คน แต่ยังให้การปฏิเสธนั้นทางอัยการได้มีคำสั่งไปยังพนักงานสอบสวน ให้สอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ที่มีความเชื่อมโยงกับจำเลยในคดี ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน หากเส้นเงินและพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใด และพบมีส่วนร่วมในการกระทำผิด ก็ต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งในส่วนนี้ทางทนายความก็จะติดตามเรื่องกับพนักงานสอบสวน และสำนักงานอัยการ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานยื่นฟ้องเพิ่มกับผู้ที่ร่วมในการกระทำผิดในคดีนี้ทุกราย

ขณะที่ ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงสูญเสียเงินตั้งแต่ 60,000 – 120,000 บาท บอกว่า หลังจากศาลได้พิพากษาตัดสินลงโทษจำคุกจำเลย 20 ปี และให้ชดใช้เงินให้กับผู้เสียหายทั้งหมดตามความเสียหายจริง กว่า 10 ล้านบาท ก็รู้สึกดีใจและขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม แต่ก็อยากให้ดำเนินคดีกับที่ผู้ร่วมกระทำความผิดทุกคน เพื่อให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้รับโทษตามกฎหมายจะได้ไม่ไปก่อเหตุหลวงลวง สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับใครอีก ซึ่งคนที่ถูกหลอกนอกจากจะต้องสูญเสียเงินที่เก็บออมแล้ว บางคนต้องไปกู้ยืมมา เพื่ออยากจะไปทำงานต่างประเทศหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวและใช้หนี้ แต่กลับมาถูกหลอกซ้ำเติมทั้งนี้ แรงงานผู้เสียหาย ยังได้ฝากถึงกระทรวงแรงงานด้วยว่า หากเป็นไปได้ก็อยากให้ทางกระทรวงฯ มีนโยบายจัดหาแรงงานกลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไป สามารถไปทำงานต่างประเทศได้ เพราะบางคนมีภาระรับผิดชอบ และหนี้สิน ไม่มีลูกหลานที่จะช่วยแบ่งเบาให้ได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *