ทำไม “ฮุน เซน” จากอดีตเขมรแดง สู่การครองอำนาจ 40 ปี อะไรที่ทำให้เขายืนหยัดอยู่ได้นานขนาดนี้?

ชื่อของ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลของกัมพูชา คือหนึ่งในปริศนาทางการเมืองที่ซับซ้อนและน่าสนใจที่สุดในโลกยุคใหม่ ผู้ชายคนนี้เริ่มต้นเส้นทางการเมืองด้วยการเป็นอดีตสมาชิกของกองกำลังเขมรแดงที่โหดร้าย แต่กลับสามารถพลิกบทบาทตัวเองขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศที่ครองอำนาจยาวนานถึง 4 ทศวรรษ จนถึงขนาดถ่ายโอนอำนาจให้ลูกชายได้สำเร็จโดยไม่เกิดการต่อต้านที่รุนแรง คำถามคือ อะไรคือเบื้องหลังของความสำเร็จอันน่าเหลือเชื่อนี้ และเหตุใดนานาชาติจึงไม่สามารถเอาผิดเขาในฐานะอาชญากรสงครามได้?

การสร้างอำนาจภายใน สันติภาพที่มาพร้อมกับการผูกขาด

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฮุน เซนยังคงอยู่ในอำนาจคือความสามารถในการมอบ “สันติภาพ” ให้กับประชาชนกัมพูชา หลังยุคเขมรแดงที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายและความอดอยาก สิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดคือความสงบสุขและความมั่นคง ฮุน เซนก้าวเข้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะสมและให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามกลางเมืองและฟื้นฟูประเทศ แม้การปกครองของเขาจะถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการคอร์รัปชัน การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการจำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่ความสงบที่เขาหยิบยื่นให้ก็เป็นสิ่งที่คนจำนวนมากยอมรับและแลกมาด้วยการยอมรับการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ

ฮุน เซน และสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์

พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ภายใต้การนำของฮุน เซน ได้สร้างเครือข่ายอำนาจที่แข็งแกร่งและกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในทุกระดับ ตั้งแต่กองทัพ หน่วยงานราชการ ไปจนถึงระบบเศรษฐกิจ มีการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองอย่างเป็นระบบ ทั้งการยุบพรรคฝ่ายค้าน และการใช้กฎหมายเพื่อเล่นงานผู้ที่เห็นต่าง ทำให้การเลือกตั้งในกัมพูชากลายเป็นเพียงพิธีกรรมที่ผลลัพธ์ถูกกำหนดไว้แล้ว

การพลิกบทบาท จากอดีตเขมรแดง สู่ผู้กอบกู้ชาติ

ประเด็นที่คนส่วนใหญ่อาจจะสงสัยคือ ทำไมฮุน เซนซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของเขมรแดงจึงไม่ถูกดำเนินคดีในฐานะอาชญากรสงครามเหมือนกับผู้นำคนอื่น ๆ?

คำตอบคือ บริบททางการเมืองที่พลิกผัน ในช่วงปี 1977 ฮุน เซนได้ตัดสินใจแยกตัวออกจากเขมรแดงและลี้ภัยไปยังเวียดนาม ก่อนที่จะกลับมากัมพูชาพร้อมกับกองทัพเวียดนามเพื่อโค่นล้มระบอบการปกครองของพอล พต ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำให้เขาได้รับสถานะเป็น “ผู้ปลดปล่อย” จากหายนะที่เขมรแดงก่อไว้ การกระทำนี้ทำให้เขาไม่ใช่ “ศัตรู” ของนานาชาติอีกต่อไป แต่กลายเป็น “พันธมิตร” ที่ประชาคมโลกต้องทำงานด้วยเพื่อสร้างสันติภาพในกัมพูชา

นายพล พต (Pol Pot) ผู้นำกลุ่มเขมรแดง

นอกจากนี้ การจัดตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ซึ่งมีอำนาจในการดำเนินคดีอาชญากรสงครามนั้น เพิ่งเกิดขึ้นในปี 2002 ในขณะที่การสังหารหมู่ของเขมรแดงเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 ทำให้คดีความเหล่านี้อยู่นอกเหนือขอบเขตอำนาจของ ICC อย่างสิ้นเชิง นี่คือช่องโหว่ทางกฎหมายที่ทำให้ฮุน เซนรอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีไปได้

การสืบทอดอำนาจ: อำนาจไม่ได้หายไปไหน

แม้ฮุน เซนจะลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2023 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอำนาจของเขาจะสิ้นสุดลง เขาได้แต่งตั้ง ฮุน มาเนต ลูกชายของตนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และตัวเขาเองก็ยังคงดำรงตำแหน่งประธานพรรค CPP และประธานวุฒิสภา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ยังคงมีอิทธิพลอย่างมหาศาลในการกำหนดทิศทางของประเทศ

การสืบทอดอำนาจในครั้งนี้คือการตอกย้ำว่าฮุน เซนยังคงเป็นผู้นำที่อยู่เบื้องหลังม่าน และครอบครัวของเขายังคงกุมชะตากรรมของกัมพูชาต่อไปอีกยาวนาน

ฮุน มาเนต เมื่อตอนเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ของพรรค CPP

ท้ายที่สุดแล้ว การครองอำนาจของฮุน เซนคือกรณีศึกษาที่สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการเมืองในโลกสมัยใหม่ ทั้งในเรื่องของการใช้ “สันติภาพ” เป็นเครื่องมือในการรวมศูนย์อำนาจ การพลิกผันสถานะทางประวัติศาสตร์เพื่อความอยู่รอดทางการเมือง และข้อจำกัดของกฎหมายระหว่างประเทศที่ไม่อาจเอาผิดกับผู้ทรงอิทธิพลได้เสมอไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *