วันนี้ (7 ก.พ.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ช่วยของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส. กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ได้ส่งข้อความให้สื่อมวลชนผ่านกลุ่มไลน์ โดยระบุว่าเป็นสารจากไชยามพวาน ที่ระบุว่า “ผมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าไม่ได้ทำตามความผิดที่ถูกกล่าวหาแน่นอน ในส่วนที่ถูกกล่าวหาอย่างไรขอผมดูก่อน เพราะผมยังไม่รู้เลยว่าถูกกล่าวหาเรื่องอะไร ในประเด็นไหนบ้าง ผมยังไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหาหรือมีโอกาสชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนเลย”
ขณะเดียวกัน นายไชยามพวานได้ตั้งคำถามกับกระบวนการยุติธรรมว่า “ผมสงสัยมากว่าทำไมเป็นการข้ามไปออกหมายจับ แทนที่จะเป็นหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาให้ผมได้ชี้แจงกับทางเจ้าหน้าที่ก่อน เรื่องนี้เป็นการดำเนินการของตำรวจและผู้กล่าวหาฝั่งเดียว
“เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าผมไปรับทราบข้อกล่าวหาแน่นอนว่ามีประเด็นไหนบ้าง และรอบนี้ผมสู้แน่นอน ผมมั่นใจว่าไม่ได้กระทำอย่างที่ถูกกล่าวหา”
นายไชยามพวาน ยังระบุอีกว่า “ขอถามกลับตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ 1. จากที่ได้กล่าวข้างต้น ถามว่าผมอยู่ตรงไหนของสมการในกระบวนการยุติธรรมนี้หรือไม่อย่างไร 2. ทำไมถึงไม่ออกหมายเรียก คิดว่าผมจะหนีหรือไม่อย่างไร และผมจะหนีทำไม รอบนี้ผมไม่ยอม ผมสู้แน่นอนในกระบวนการยุติธรรม”
ขณะที่ทาง สส.กานต์ ภัสริน รามวงศ์ พรรคประชาชน ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ศาลออกหมายจับ สส.ปูอัด กรณีที่มีการขืนใจสาวนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันดังกล่าวนี้ด้วยว่า การที่บุคคลซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้แทนราษฎร กลับเป็นผู้กระทำความผิดฐานข่มขืน เป็นเรื่องที่สะท้อนถึงปัญหาลึกซึ้งในระบบการเมืองไทย ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ เคยมีประวัติละเมิดวินัยพรรคอย่างร้ายแรง เคยถูกขับออกจากพรรคก้าวไกลจากพฤติกรรมคุกคามทางเพศ แต่ยังคงสามารถย้ายไปสังกัดพรรคไทยก้าวหน้าและดำรงตำแหน่งในสภาได้ รัฐสภาซึ่งควรเป็นสถานที่ของผู้แทนประชาชน กลับกลายเป็นที่ซุกซ่อนของผู้กระทำผิดทางเพศซ้ำแล้วซ้ำเล่า
การข่มขืนไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นอาชญากรรมร้ายแรงต่อศักดิ์ศรีและสิทธิมนุษยชน ดิฉันไม่อาจยอมให้วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด (impunity) ปกป้องนักการเมืองที่ใช้ตำแหน่งและอำนาจเป็นเกราะกำบังให้ตนเองพ้นผิด พรรคไทยก้าวหน้าต้องออกมารับผิดชอบและแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อคดีอาชญากรรมครั้งนี้ มิใช่เพียงการปัดความรับผิดชอบ
ดิฉันเรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่ปล่อยให้โครงสร้างอำนาจและระบบอุปถัมภ์ช่วยเหลือผู้กระทำผิด ความยุติธรรมต้องเกิดขึ้นโดยไม่เลือกปฏิบัติ และผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงทางเพศต้องได้รับการคุ้มครอง ไม่ใช่ถูกทำให้เงียบเสียงเพราะผู้กระทำมีชื่อเสียงและอำนาจในสังคม
ประชาชนไม่ควรต้องทนอยู่กับระบบที่ปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวลอีกต่อไป ขอให้เรื่องนี้ถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุด และคืนความยุติธรรมให้ผู้ถูกกระทำ

