Day: July 23, 2025

ข่าวดี! 25 ส.ค.นี้ เปิดลงทะเบียน “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ผ่านแอปฯ ‘ทางรัฐ’ เริ่มใช้จริง 1 ต.ค. 68
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงข่าวเช้าวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ว่า รัฐบาลเตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใช้สิทธิ์ค่าโดยสารรถไฟฟ้า “20 บาทตลอดสาย” ได้ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมนี้ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ทั้งระบบ iOS และ Android ผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนต้องมี สัญชาติไทย โดยกรอก เลขบัตรประชาชน 13 หลัก พร้อมผูกกับ บัตรโดยสาร Rabbit Card หรือ บัตรเครดิต/เดบิต EMV Contactless (Visa/Mastercard) ที่จะใช้เดินทางในระบบรถไฟฟ้า หากลงทะเบียนเรียบร้อย ระบบจะเปิดใช้งานสิทธิ์โดยอัตโนมัติ ส่วนผู้ที่ไม่ลงทะเบียน จะยังคงต้องจ่ายค่าโดยสารตามปกติ นายสุริยะ ยืนยันว่า ระบบลงทะเบียน ไม่มีล่มแน่นอน เพราะใช้มาตรฐานเดียวกับโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่เคยรองรับผู้ลงทะเบียนพร้อมกันกว่า 18 ล้านคน และเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การลงทะเบียน ไม่มีวันหมดอายุ และทุกคนได้รับสิทธิ์เท่าเทียม มาตรการนี้จะเริ่มใช้งานจริงในวันที่ […]
อ่านต่อ
รอลงอาญาแล้วจบหรือไม่? “แม่น้องเมย” จี้ ผบ.ตร. เอาผิดวินัยรุ่นพี่ยังรับราชการ
แม่ “น้องเมย” เดินหน้าทวงความยุติธรรม! เตรียมร้อง ผบ.ตร. เอาผิดวินัยรุ่นพี่ หลังศาลตัดสินจำคุกแต่รอลงอาญา พร้อมฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากเหตุสูญเสียลูกชายในรั้วเตรียมทหาร วันนี้ 23 ก.ค.2568 มารดาของ “น้องเมย” นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตเมื่อปี 2560 หลังเข้าศึกษาเพียง 5 เดือน เตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบทางวินัยกับรุ่นพี่ 2 ราย ซึ่งปัจจุบันยังรับราชการตำรวจ แม้ศาลจะมีคำพิพากษาว่ากระทำผิดจริง โดยศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นศาลทหารชั้นฎีกา ได้ตัดสินจำคุกจำเลยทั้งสองเป็นเวลา 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท และให้รอลงอาญา 2 ปี โดยตีความคดีนี้เป็น “ความผิดฐานประมาท” ขณะที่ครอบครัวมองว่าเป็นการ “เจตนาทำร้ายร่างกายและจิตใจ” ซึ่งเป็นข้อหาที่มีโทษร้ายแรงกว่า แม้จะเคารพคำตัดสินของศาล แต่ก็เห็นต่างในสาระสำคัญของคดี มารดาของน้องเมยกล่าวว่า ไม่ได้รู้รายละเอียดว่าอดีตรุ่นพี่ทั้งสอง […]
อ่านต่อ8 ปี ‘น้องเมย’ ยังไม่เปลี่ยนอะไร? เมื่อระบบวินัยทหารไทยยังเสี่ยงชีวิต!
8 ปีผ่านไป… แต่คำถามสำคัญยังคงค้างคาใจสังคม “ระบบธำรงวินัยของกองทัพไทย ปลอดภัยแค่ไหน?” กรณีการเสียชีวิตของ “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหารในปี 2560 กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง หลังคำตัดสินล่าสุดของศาลทหารชั้นฎีกา มีเสียงสะท้อนจากประชาชนและครอบครัวของผู้เสียชีวิตจำนวนไม่น้อย ที่ยังคงตั้งคำถามกับระบบวินัยของกองทัพ และความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แม้ในเวลานั้น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะออกมากล่าว “ขอโทษ” ต่อครอบครัวของน้องเมยหลังจากพูดคำว่า “ใครจะไปรู้ว่า ลูกเขามีภาวะหัวใจล้มเหลวฉับพลัน ผมก็เคยโดนซ่อมจนเกินกำลังจะรับได้จนสลบไปเหมือนกัน แต่ผมไม่ตาย ก็ไม่ต้องเข้ามาเรียน ไม่ต้องมาเป็นทหาร เราเอาคนที่เต็มใจ การเข้ามาเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ต้องเตรียมใจเรื่องการธำรงวินัย” พลเอกประวิตร เคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2560 เมื่อครั้งดำรงรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งสร้างแรงสะเทือนในวงกว้าง แต่เนื้อหาและน้ำเสียงของคำอธิบายก็สะท้อนนัยสำคัญว่า… ระบบวินัยของกองทัพจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ผู้เข้ารับการฝึกต้องยอมรับให้ได้ “ธำรงวินัย” คำที่อาจแปลว่าทรมาน จากคำอธิบายในเวลานั้น ทำให้เห็นชัดว่า การฝึกที่เข้มงวดจนถึงขั้น “ซ่อม” หรือการลงโทษทางร่างกาย ยังคงถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติในระบบกองทัพ และผู้ที่ก้าวเข้าสู่รั้วทหาร ต้อง “เตรียมร่างกายให้พร้อม” สำหรับความรุนแรงในระดับที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่คำถามสำคัญคือ…จุดที่ “เกินกว่ากำลังจะรับได้” อยู่ตรงไหน? […]
อ่านต่อ
ระเบิดที่ยังไม่หยุดเดิน – ปมปฏิเสธของกัมพูชากับบาดแผลทุ่นระเบิด
ในโลกของความขัดแย้งระหว่างประเทศ ไม่มีอะไรอันตรายเท่ากับ “การปฏิเสธความจริง” โดยเฉพาะเมื่อความจริงนั้นเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องการวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ฝ่ายกัมพูชาออกมาปฏิเสธเสียงแข็งว่า “ไม่เกี่ยวข้อง” แต่เมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์ของประเทศเอง คำปฏิเสธนั้นดูจะ “สวนทางกับข้อเท็จจริง” อย่างยิ่ง ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ: กัมพูชากับมรดกทุ่นระเบิด กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีทุ่นระเบิดตกค้างมากที่สุดในโลก โดยข้อมูลจากองค์กรระหว่างประเทศระบุว่าอาจมีระเบิดที่ยังไม่ระเบิดอยู่ในประเทศมากกว่า 4–6 ล้านลูก ตกค้างมาตั้งแต่ยุคสงครามกลางเมือง ยุคเขมรแดง การแทรกแซงของเวียดนาม และสงครามอินโดจีนที่ใช้ผืนแผ่นดินกัมพูชาเป็นสนามรบ นับตั้งแต่ปี 1979 เป็นต้นมา กัมพูชามีผู้ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดมากกว่า 64,000 คน ในจำนวนนี้กว่า 25,000 คนต้องกลายเป็นผู้พิการถาวร และที่น่าเศร้าที่สุดคือ เด็กหลายคนต้องจบชีวิตลงเพียงเพราะเข้าไปเก็บของเล่น หรือเศษเหล็กจากพื้นที่ปนเปื้อนโดยไม่รู้เลยว่านั่นคือ “อาวุธที่ยังไม่หมดเวลา” ชายแดนตะวันตก: พื้นที่สีแดงของทุ่นระเบิด พื้นที่ชายแดนฝั่งตะวันตกของกัมพูชา เช่น จังหวัดบันเตียเมียนเจย, พระวิหาร และอุดรมีชัย เป็นเขตที่มีการตรวจพบทุ่นระเบิดและอาวุธตกค้างเป็นจำนวนมากในอดีต โดยหลายจุดติดกับชายแดนไทย การที่มีการกล่าวหาว่ามีการวางทุ่นระเบิดใหม่ในฝั่งไทย ย่อมเป็นเรื่องที่ต้องมีการสอบสวนด้วยหลักฐานที่หนักแน่น ไม่ใช่แค่ “คำปฏิเสธ” ที่ไม่มีคำอธิบายสนับสนุน เมื่ออดีตยังหลอกหลอนปัจจุบัน ประเทศที่ประชาชนของตัวเองต้องจบชีวิตจากทุ่นระเบิดเป็นหมื่นราย ควรเป็นประเทศที่เข้าใจดีถึง “ความน่ากลัวของอาวุธเงียบ” และควรเป็นประเทศแรกที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรม ไม่ใช่ประเทศที่ปฏิเสธเสียงแข็งโดยไม่ไตร่ตรองหรือแสดงท่าทีสำนึกในความรับผิดชอบทางศีลธรรม ในทางกลับกัน […]
อ่านต่อ