Day: April 25, 2025

จาก “อำนาจนิยมเงียบ” สู่ “ประชาธิปไตยผสมโรง” ประเทศไทยเสียอะไรไปในระหว่างทาง?
เมื่อการเปลี่ยนผ่านอำนาจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สู่ แพทองธาร ชินวัตร ดูเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองไทยในรอบทศวรรษ แต่หากพิจารณาให้ลึกลงไปกว่าแค่ใบหน้าของผู้นำหรือสีของพรรคที่บริหารประเทศ เราอาจพบคำถามที่ใหญ่กว่าว่า… “ประเทศไทยเสียอะไรไปบ้างระหว่างทางแห่งการเมืองที่ไร้ความมั่นคง และประชาชนได้อะไรจากการเปลี่ยนมือที่ไม่เคยเปลี่ยนโครงสร้าง?” 1. ยุคประยุทธ์ เสถียรภาพที่แลกด้วยเสรีภาพ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเริ่มจากการยึดอำนาจในปี 2557 จนก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีผ่านระบบรัฐธรรมนูญ 2560 จุดขายหลักของยุคนี้คือ “ความมั่นคง” และ “ระเบียบวินัย”แต่ในทางกลับกัน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นลดลงอย่างเห็นได้ชัด มีการใช้กฎหมายควบคุมสื่อ คุมผู้เห็นต่าง และดำเนินคดีทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทยในช่วง 8 ปีของรัฐบาล คสช. เติบโตช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะช่วงหลังโควิด-19 ขณะที่ความเหลื่อมล้ำและปัญหาปากท้องของประชาชนยังไม่ได้รับการแก้ไขเชิงโครงสร้าง 2. ยุคแพทองธาร ความหวังใหม่ หรือการรีแบรนด์ของโครงสร้างเดิม? การมาถึงของ แพทองธาร ชินวัตร นำมาซึ่งความหวังของคนรุ่นใหม่ที่โหยหาการเปลี่ยนแปลง นโยบายประชานิยมเชิงสร้างสรรค์ถูกรื้อฟื้นควบคู่กับความพยายามลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัล อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือเบื้องหลังรัฐบาลนี้ยังคงเป็นการเมืองแบบประนีประนอม มีพันธมิตรเดิมในโครงสร้างรัฐราชการที่ไม่เปลี่ยนแปลง และหลายตำแหน่งสำคัญยังอยู่ในมือของกลุ่มอำนาจเก่า การบริหารประเทศในช่วงเริ่มต้นยังเผชิญความท้าทายจากภาวะหนี้ครัวเรือนสูง ภาษีถดถอย และการลงทุนต่างชาติที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ ประชาชนเริ่มตั้งคำถามว่า “นี่คือรัฐบาลเพื่อประชาชน หรือรัฐบาลที่อยู่ภายใต้การอนุญาตของชนชั้นนำทางอำนาจ?” […]
อ่านต่อ
DIPROM เดินหน้าดัน Soft Power ไทย! สร้างสรรค์ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย เจิดจรัสไกลสู่สากล
กรุงเทพฯ – กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่น ผ่านกิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย ภายใต้โครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล (Fashion Identity) กิจกรรมการมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและนักออกแบบในอุตสาหกรรมแฟชั่น สาขาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย ให้มีองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นในการสร้างภาพลักษณ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับสู่การเป็นแบรนด์ระดับสากล พร้อมผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ขอเชิญผู้ประกอบการ SME วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือสถานประกอบการที่มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ทะเบียนการค้า ทะเบียนพาณิชย์ สาขาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย สมัครเข้าร่วม “กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand สาขาอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย ภายใต้โครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล (Fashion Identity) พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ https://forms.gle/oMQwV9o3jErjf2ko6 โดย ไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่บัดนี้ ถึง วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 (รับจำนวนจำกัด) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณอนุรชา อตมกูลศรี โทร. 097-969-5924. […]
อ่านต่อ
“ปิดไมค์-ปิดกล้อง” หนีตอบสื่อ “กองทัพไทย” กับคำถามใหญ่ ใช้ ม.112 ปิดปากนักวิชาการต่างชาติได้จริงหรือ?
TopicThailand พาเจาะลึกข่าวใหญ่ เมื่อกองทัพภาคที่ 3 ถูกตั้งคำถามเรื่องการเตรียมดำเนินคดี ม.112 กับ ดร.พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการต่างชาติ ผู้วิจารณ์บทบาทกองทัพไทย แต่แทนที่จะชี้แจง กลับ “ปิดกล้อง ปิดไมค์” แล้วออกจากวงประชุมกลางอากาศ ทิ้งไว้เพียงคำถามมากมายว่า… ประเทศไทยยังมีพื้นที่ให้กับคำวิจารณ์อยู่หรือไม่? 1. การสื่อสารที่ขาดความโปร่งใส สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้าง พฤติกรรม “ปิดกล้อง ปิดไมค์” หนีจากการประชุมของหน่วยงานรัฐหรือบุคลากรในเครื่องแบบ นอกจากจะขาดความเป็นมืออาชีพแล้ว ยังสะท้อนปัญหาเชิงลึกของระบบราชการไทยที่หลีกเลี่ยงการรับผิดชอบต่อสาธารณะ ซึ่งในกรณีนี้ยิ่งรุนแรงขึ้น เพราะเกี่ยวพันกับการใช้กฎหมายมาตรา 112 ที่มีข้อถกเถียงอย่างสูงในระดับนานาชาติ 2. คำถามถึงมาตรฐานการใช้กฎหมาย การที่มีข่าวว่ากองทัพอาจพิจารณาฟ้องนักวิชาการต่างชาติด้วยมาตรา 112 ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า “ขอบเขตของกฎหมายนี้ควรถูกใช้กับใคร และภายใต้บริบทแบบใด?”กรณี ดร.พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการที่มีบทบาทในการวิเคราะห์กองทัพไทยอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่า การฟ้องร้องมีเจตนา “ปิดปาก” นักวิจารณ์หรือไม่ มากกว่าจะเป็นการปกป้องสถาบันตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย 3. ผลกระทบด้านภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การดำเนินคดีนักวิชาการต่างชาติ ย่อมไม่ใช่แค่เรื่องภายในประเทศอีกต่อไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในสายตาสังคมโลก ไม่ว่าจะเป็นในมุมมองเรื่องสิทธิเสรีภาพทางวิชาการ (academic freedom) หรือความเป็นประชาธิปไตย […]
อ่านต่อ