วันนี้ (11 ก.พ. 2568) ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า ในวันนี้ เวลา 14.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะนำพยานหลักฐาน พยานเอกสารในคดีค้ามนุษย์ เข้าพบพนักงานอัยการ สำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เพื่อหารือในประเด็นข้อกฎหมายการออกหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นผู้นำกองกำลัง BGF หรือผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยง กองกำลังสำคัญที่ปกครองเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา เพื่อพิจารณาพยานหลักฐาน ดำเนินคดีในส่วนของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีความผิดนอกราชอาณาจักร ซึ่งอัยการจะเป็นคนควบคุมการสอบสวน โดยพฤติการณ์ที่ดีเอสไอจะนำหารือกับรองอธิบดีอัยการฯ นั้น เนื่องด้วยเป็นกรณีที่กลุ่มผู้ต้องหามีการนำชาวอินเดียเพื่อบังคับทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บ่อนเฮงเชง จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก และทางการประเทศไทยได้ช่วยกลับมาได้ จึงทำให้ต้องพิจารณาดำเนินคดีว่าขบวนการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับใครบ้าง
รายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษทราบว่า สำหรับผู้เสียหายของขบวนการดังกล่าวเป็นชาวอินเดียทั้งสิ้น 7 ราย โดยประเทศไทยถูกใช้เป็นทางผ่านคล้ายเคสของนักแสดงชายชาวจีนชื่อว่า ซิง ซิง ส่วนจะมีชาวไทยเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เบื้องต้นยืนยันว่ามีแน่นอน ประมาณ 2 ราย โดยมีคนไทยอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งให้บริการจัดทำรีสอร์ตทั้งในไทยแต่ใน จ.เมียวดี มีสถานะเป็นกรรมการบริษัทและพนักงานบริษัท
ทั้งนี้ จะมีการเสนอขอออกหมายจับเบื้องต้น 3 ราย ประกอบด้วย 1.พันเอก ซอชิตตู่ (Colonel Saw Chit Thu) หรือพันเอก หม่อง ชิตตู่ 2.พันโท โมเต โธน (Lieutenant Colonel Mote Thone) และ 3.พันตรี ทิน วิน (Major Tin Win) รวมถึงยังมีในส่วนของเจ้าของบ่อนเฮงเชงด้วย ส่วนเลขคดีพิเศษสำหรับสำนวนดังกล่าวนี้คือ คดีพิเศษที่ 304/2565
ด้าน พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ดีเอสไอ ยังไม่มีการยื่นขอหมายจับ ยังเป็นเพียงการหารือข้อกฎหมายกับทางพนักงานอัยการ สำนักคดีค้ามนุษย์เท่านั้น
อีกทั้ง เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2568 นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้โพสต์ภาพออกหมายจับ หม่อง ชิตตู่ ผู้นำกองกำลัง BGF/KNA พร้อมกับข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ขอย้ำเตือนว่ารัฐบาลต้องทำมากกว่าที่เป็นอยู่ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มิเช่นนั้นมันจะไม่จบ วันนี้ตนขอเสนอให้รัฐบาลปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องดำเนินคดีอย่างจริงจังกับ “หม่อง ชิตตู่” แม้การกระทำหลายอย่างของ หม่อง ชิตตู่ จะเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร แต่ผลกระทบหลายประการล้วนเกิดขึ้นในประเทศของเรา การดำเนินคดีกับหม่องชิตตูในฐานะหัวหน้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่รัฐบาลควรดำเนินการ
