การเมืองระหว่างประเทศไม่ใช่เวทีทดลองความซื่อ แต่คือสนามที่ต้องการ “มืออาชีพ” และสายตาที่แหลมคมพอจะแยกแยะว่าใครคือ “ผู้เล่น” และใครเป็นเพียง “ตัวประกอบ” ที่ถูกจัดฉากมาให้สร้างภาพ

กรณีที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกรัฐบาลไทย เทียบเชิญ ไมเคิล อัลฟาโร ให้ข้ามแดนมาทำข่าวชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า รัฐบาลไทยจะ “ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ฟรี” กลายเป็นประเด็นที่ไม่เพียงสะท้อน “ความใจใหญ่” หากแต่ยังสะท้อน “ความสะเพร่าทางการเมือง” อย่างน่าเจ็บใจ

เพราะเมื่อถูกตรวจสอบย้อนกลับ ความจริงก็โผล่ชัดว่า ไมเคิล ไม่ใช่นักข่าวทำเนียบขาวตามที่กัมพูชาปั้นแต่ง แต่เป็นเพียง “ล็อบบี้ยิสต์” ที่ถูกอีกฝ่ายใช้สร้างภาพทางการเมืองเพื่อเสริมความชอบธรรมให้ตนเอง และล่าสุด ไมเคิลก็หันมาตอบรับคำเชิญรัฐบาลไทยทันทีเล่นบทนักข่าวผู้ใฝ่หาความจริงเสียเต็มยศ

ทำไมเรื่องนี้ถึงน่าอาย?
- รัฐบาลไทยกำลังตกหลุมเกมโฆษณาชวนเชื่อของกัมพูชา
แทนที่จะใช้ช่องทางทางการทูตและกลไกระหว่างประเทศที่มีอยู่ กลับเลือกใช้ “บุคคลปริศนา” ที่โปรไฟล์คลุมเครือ มาสวมบทสื่อกลางสร้างความน่าเชื่อถือให้กับไทย
- การเทียบเชิญแบบ “ฟรีทุกอย่าง” เท่ากับลงนามเช็คเปล่า
การออกค่าใช้จ่ายให้หมดทุกประการ ไม่ต่างอะไรกับยอมรับเขาเป็น “ผู้สังเกตการณ์พิเศษ” อย่างเป็นทางการ ทั้งที่ไม่มีใครตรวจสอบได้ว่าเขามีความเป็นกลางหรือไม่
- ภาพลักษณ์ไทยบนเวทีโลกถูกบั่นทอน
แทนที่จะเสริมความแข็งแรงให้จุดยืนของไทย กลับทำให้ถูกมองว่าอ่อนหัด ไม่กลั่นกรอง และพร้อมจะเชื้อเชิญใครก็ได้ที่อีกฝ่ายปั้นแต่งมา
ผลเสียที่จะตามมา
ระยะสั้น ไทยถูกตั้งคำถามจากสื่อสากลว่า ทำไมรัฐบาลจึงเชิญบุคคลที่ไม่มีสถานะจริงทางสื่อมาเป็น “ผู้ค้นหาความจริง”
ระยะกลาง ความน่าเชื่อถือของโฆษกรัฐบาลถูกกัดเซาะ จนส่งผลต่อความเชื่อมั่นในสารที่ไทยต้องการสื่อออกไป
ระยะยาว ไทยเสี่ยงถูกมองว่าเป็น “ผู้เล่นที่ไม่มืออาชีพ” ในเกมการทูต อาจเสียเครดิตต่อการเจรจาในประเด็นสำคัญอื่น ๆ ที่ต้องการความไว้วางใจระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เพียงการเชิญแขกผิด แต่คือการเชิญ “ภาพลวงตา” มานั่งโต๊ะเจรจา และที่เจ็บจี๊ดที่สุดก็คือ ไม่ใช่กัมพูชาที่ขาดทุน แต่เป็นรัฐบาลไทยที่เผลอเซ็นเช็คเปล่าให้คู่แข่งหยิบไปเล่นเกมต่อหน้าสังคมโลก