8 ปีผ่านไป... แต่คำถามสำคัญยังคงค้างคาใจสังคม "ระบบธำรงวินัยของกองทัพไทย ปลอดภัยแค่ไหน?"

กรณีการเสียชีวิตของ “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหารในปี 2560 กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง หลังคำตัดสินล่าสุดของศาลทหารชั้นฎีกา มีเสียงสะท้อนจากประชาชนและครอบครัวของผู้เสียชีวิตจำนวนไม่น้อย ที่ยังคงตั้งคำถามกับระบบวินัยของกองทัพ และความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แม้ในเวลานั้น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะออกมากล่าว “ขอโทษ” ต่อครอบครัวของน้องเมยหลังจากพูดคำว่า “ใครจะไปรู้ว่า ลูกเขามีภาวะหัวใจล้มเหลวฉับพลัน ผมก็เคยโดนซ่อมจนเกินกำลังจะรับได้จนสลบไปเหมือนกัน แต่ผมไม่ตาย ก็ไม่ต้องเข้ามาเรียน ไม่ต้องมาเป็นทหาร เราเอาคนที่เต็มใจ การเข้ามาเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ต้องเตรียมใจเรื่องการธำรงวินัย” พลเอกประวิตร เคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2560 เมื่อครั้งดำรงรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งสร้างแรงสะเทือนในวงกว้าง แต่เนื้อหาและน้ำเสียงของคำอธิบายก็สะท้อนนัยสำคัญว่า…ระบบวินัยของกองทัพจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ผู้เข้ารับการฝึกต้องยอมรับให้ได้

“ธำรงวินัย” คำที่อาจแปลว่าทรมาน
จากคำอธิบายในเวลานั้น ทำให้เห็นชัดว่า การฝึกที่เข้มงวดจนถึงขั้น “ซ่อม” หรือการลงโทษทางร่างกาย ยังคงถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติในระบบกองทัพ และผู้ที่ก้าวเข้าสู่รั้วทหาร ต้อง “เตรียมร่างกายให้พร้อม” สำหรับความรุนแรงในระดับที่ไม่สามารถคาดเดาได้
แต่คำถามสำคัญคือ…จุดที่ “เกินกว่ากำลังจะรับได้” อยู่ตรงไหน? และใครเป็นคนกำหนดว่าใครจะทนได้หรือไม่?

จากสถิติชี้ชัด “ตายจริง ไม่ใช่เรื่องเล็ก”
ข้อมูลจากสื่อประชาไทและหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่า ตั้งแต่ปี 2552-2567 มีทหารเกณฑ์เสียชีวิตในค่ายไม่ต่ำกว่า 20 ราย โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการถูกทำโทษรุนแรง การฝึกหนักเกินขีดจำกัด หรือยกตัวอย่างในบางกรณี มีเงื่อนงำจากการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต
- ปี 2567 พลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล วัย 18 ปี เสียชีวิตจากการถูก “ซ่อมวินัย” พบกระดูกสันหลังหัก ปอดฉีก สมองบวม กสม.ชี้ชัดว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
- ปี 2560 พลทหารยุทธกินันท์ บุญเนียม ถูกซ้อมจนเสียชีวิตในค่ายทหารสุราษฎร์ธานี
หลายกรณีในช่วงปี 2550–2560 แม้ผลชันสูตรจะระบุ “ฮีตสโตรก” หรือ “โรคประจำตัว” แต่ข้อมูลเชิงลึกชี้ว่าผู้เสียชีวิตถูกฝึกจนร่างกายพัง

แม้จะมีบางกรณีที่ได้รับการตรวจสอบและส่งฟ้อง แต่ส่วนมากกลับไม่มีบทสรุปที่โปร่งใส และคนในระบบกองทัพมักมองว่าเป็น “เรื่องปกติ” ของการฝึก แข็งแรงแค่ไหน ก็ไม่พอ หากระบบยังรุนแรง
คำถามที่ผู้ปกครองหลายคนเริ่มตั้งคือ
“ลูกเราจะแข็งแรงแค่ไหน ถึงจะรอดจากการฝึกแบบนี้?” ความแข็งแรงของร่างกายอาจไม่ใช่คำตอบ เพราะหากระบบฝึกซ้อมยังเต็มไปด้วยความรุนแรงเกินควบคุม การตายของทหารเกณฑ์อาจกลายเป็นข่าวถัดไปในไม่ช้า
ถึงเวลาปฏิรูป ไม่ใช่แค่ขอโทษ
แม้กองทัพจะพยายามปรับภาพลักษณ์ แต่สังคมยังคงรู้สึกว่าระบบนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ไม่โปร่งใส และไม่ปลอดภัย ความตายของทหารใหม่ยังคงเป็น “ข่าวซ้ำ” ที่ปรากฏในหน้าสื่อทุกปี นี่ไม่ใช่เรื่องของคนอ่อนแอ แต่คือปัญหาของระบบที่ไม่เคารพชีวิต
วินัยที่ไร้หลักประกันชีวิต ไม่ควรถูกปล่อยผ่าน
การธำรงวินัย ไม่ควรแปลว่าทำร้ายร่างกาย การฝึกเพื่อความแข็งแกร่งต้องอยู่ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน และมาตรฐานความปลอดภัยที่ตรวจสอบได้ หากกองทัพไทยยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง เราคงยังต้องนับศพต่อไปในนามของ “ระเบียบวินัย”



อ่านข่าวอื่น ๆ :
- “กริพเพน” 1.95 หมื่นล้านเข้า ครม.วันนี้! ลุ้น “ทอ.” ได้เครื่องบินใหม่ ส่วน ทร.ก็ไม่น้อยหน้า เตรียมเสนอซื้อเรือฟริเกต 2 ลำ
- ทหารเขมรมีของดีจริงหรือ? ไขปริศนาทำไม “มนต์ดำ” ถึงไม่อาจหยุดกระสุนปืนได้
- “ทำไมศพทหารกัมพูชาถึงถูกทิ้งไว้กลางสนามรบ?”
- ความเสี่ยง หาก กกท.เปลี่ยนกลยุทธ์มวยไทยในต่างแดน โดยการ “อบรมครูมวย” แทนสอนนักเรียน
- มวยไทยสุดฮิตในอเมริกา คนแห่เรียนทะลุสถิติ ‘แสนชัย’ นำทัพสอนเอง!