จากสาวโรงงานสู่ตำนานดอกหญ้า! ‘ต่าย อรทัย’ น้ำตาคลอเล่าย้อนเส้นทางชีวิตที่เกือบไม่ถึงฝัน

ต่าย อรทัย ศิลปินลูกทุ่งขวัญใจคนไทยหลายคน ได้มาเปิดใจแบบหมดเปลือกในรายการ เบิ้ล AM เล่าถึงชีวิตที่หลายคนไม่เคยรู้ ตั้งแต่สมัยเป็นสาวบ้านนอกธรรมดาๆ ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง จนกลายมาเป็นเจ้าของฉายา “ราชินีดอกหญ้าในป่าปูน” ที่มีผลงานโด่งดังไปทั่วประเทศ

จากสาวอุบลฯ บ้านติดชายแดนที่รักการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก แต่ขาดโอกาสเพราะไม่มีเวทีให้แสดงความสามารถเหมือนสมัยนี้ เธอต้องพยายามอย่างหนักเพื่อทำตามฝัน โดยเริ่มจากการเป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดร้องเพลงถึง 3 ครั้ง กว่าจะคว้าชัยชนะมาได้สำเร็จในครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอชนะการประกวด

เข้าแกรมมี่ฯ ทั้งน้ำตา เพราะคิดถึงยาย

ต่าย อรทัย เล่าว่าเธอเริ่มเข้าสู่ค่ายเพลงแกรมมี่โกลด์ในช่วงปลายปี 2544 แต่กว่าเพลง “ดอกหญ้าในป่าปูน” จะถูกปล่อยออกมาก็ใช้เวลาถึงปี 2546 โดยระหว่างนั้นเธอต้องเป็นศิลปินฝึกหัดที่ไม่มีรายได้ ต้องหยิบยืมเงินจากผู้จัดการและค่ายเพลง แถมยังต้องสู้กับความเหงาคิดถึงบ้านและ คุณยาย ซึ่งเป็นคนที่เลี้ยงดูเธอมาตลอดชีวิต

ความผูกพันกับคุณยายนั้นลึกซึ้งและเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ เพราะคุณยายคือคนที่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอด นับตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเธอแยกทางกัน คุณยายคือทุกสิ่งทุกอย่างที่คอยหล่อหลอมและดูแลเธอเสมอ ซึ่งพอพูดถึงเรื่องนี้ ต่าย อรทัย ก็ถึงกับน้ำตาซึมด้วยความรักและความคิดถึง

เคยทัวร์คอนเสิร์ตหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล

การเป็นนักร้องไม่ได้มีแต่เรื่องสวยงามเสมอไป ต่าย อรทัย เล่าถึงช่วงที่ทำงานหนักมากจนร่างกายแทบไม่ไหว โดยเฉพาะในช่วงอัลบั้มชุดที่ 5 และ 6 ที่ต้องเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตอย่างหนัก ทำให้เธอพักผ่อนน้อย มีผลกระทบต่อสุขภาพและเสียงร้อง จนกระทั่งรุ่นพี่อย่าง ศิริพร อำไพพงษ์ ได้ทักว่าเสียงของเธอดูไม่มีความสุขเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนให้เธอต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลถึงขนาดแอดมิดเลยทีเดียว

เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เธอตัดสินใจเปลี่ยนตารางชีวิตใหม่ โดยหันมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น ทั้งการพักผ่อน ออกกำลังกาย และรับงานแต่พอดี เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงพร้อมที่จะมอบความสุขให้กับแฟนเพลงต่อไป

ถ้าไม่ได้เป็นนักร้องก็คงเป็น “สาวโรงงาน”

ก่อนจะมาเป็นนักร้องอย่างทุกวันนี้ ต่าย อรทัย เคยทำงานเป็นสาวโรงงานมาก่อน เธอบอกว่าเธอไม่มีแผนสำรองในชีวิต เพราะการเป็นลูกชาวไร่ชาวนาทำให้เธอไม่ได้มีแผนชีวิตที่วางไว้อย่างเป็นระบบ รู้แค่ว่าถ้าไม่ได้เรียนต่อที่อุบลฯ ก็ต้องเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ และงานแรกที่เธอทำก็คือการเป็นสาวโรงงานในโรงงานแห่งหนึ่ง

ดังนั้นเธอจึงเข้าใจความลำบากของคนทำงานอย่างดี และมองว่าถ้าวันนั้นเธอไม่ได้รับโอกาสเข้ามาเป็นนักร้อง เธอก็อาจจะยังคงเป็นสาวโรงงานที่แต่งงานมีครอบครัวไปแล้วก็เป็นได้

ขอบคุณทุกๆ คนที่ทำให้มี “ต่าย อรทัย” ในวันนี้

ต่าย อรทัย มองว่าการที่เธอยืนหยัดอยู่ในวงการมาได้ถึงทุกวันนี้ไม่ได้มาจากความสามารถของเธอเพียงคนเดียว แต่มาจากหลายองค์ประกอบ ทั้งโอกาสที่ได้รับ ผลงานเพลงที่โดนใจ ผู้มีพระคุณที่คอยสนับสนุน และที่สำคัญที่สุดคือแฟนเพลงทุกคนที่คอยติดตามและเป็นกำลังใจให้เสมอมา เธอจึงอยากขอบคุณทุกๆ คนที่ทำให้เธอมีวันนี้ได้.

อ่านข่าวอื่นๆ :

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *