เวียดนามกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในโลกของเทคโนโลยี เมื่อ Viettel บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม จับมือกับ Qualcomm บริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา เพื่อยกระดับเวียดนามให้กลายเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนา (R&D) ด้านเทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้เวียดนาม แต่ยังสร้างแรงกดดันให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศไทยต้องเร่งปรับตัว
เป้าหมายที่ทะเยอทะยาน: จากฐานการผลิตสู่ผู้สร้างนวัตกรรม
ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์นี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการพัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยเฉพาะใน 11 ด้านหลักที่รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน 5G/6G, เทคโนโลยี AI สำหรับเครือข่ายอัจฉริยะ, ศูนย์ข้อมูล และอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามมีสัดส่วนสูงถึง 30% ของ GDP ภายในปี 2573
ไม่ใช่เพียงแค่แผนในอนาคต เพราะทั้งสองบริษัทเคยร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี 2552 โดยมีผลงานที่เป็นรูปธรรมมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการผลิต 3G USB “Made in Vietnam” เครื่องแรก การเป็นพันธมิตรรายแรกของโลกที่ใช้ชิป Qualcomm ในการพัฒนาสถานีฐาน 5G Open RAN รวมถึงการผลิต กล้อง AI 5G และ โทรศัพท์รักษาความปลอดภัย VIPPHONE ที่สามารถเข้ารหัสการสนทนาได้อีกด้วย
แรงกดดันสู่ประเทศไทย: ความท้าทายที่ต้องเผชิญ
การเดินเกมครั้งนี้ของเวียดนามส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยในหลายมิติ:
- การแข่งขันด้านการลงทุน: เวียดนามกำลังสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้เป็นศูนย์กลางด้าน “การวิจัยและพัฒนา” ไม่ใช่แค่ “ฐานการผลิต” เหมือนในอดีต ซึ่งทำให้เวียดนามกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทไฮเทคระดับโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI ที่ไทยเองก็ต้องการ
- การแข่งขันด้านบุคลากร: การเกิดขึ้นของศูนย์ R&D จะสร้างตำแหน่งงานที่มีมูลค่าสูง ซึ่งอาจดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถของไทยให้ย้ายไปทำงานที่เวียดนาม หรืออาจทำให้ประเทศไทยหาสรรหาบุคลากรด้านนี้ได้ยากขึ้น
- การพัฒนาที่ไม่เท่ากัน: ขณะที่รัฐบาลเวียดนามมีทิศทางที่ชัดเจนและมุ่งมั่นในการสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มที่ ไทยเองก็มีนโยบายที่คล้ายคลึงกัน แต่ยังคงต้องเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งในด้านการลงทุน R&D และการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อไม่ให้เสียเปรียบในการแข่งขัน
ไม่ใช่แค่ภัยคุกคาม แต่คือโอกาส
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายนี้อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทยในการ “กระตุ้นและเร่งปรับตัว” โดยภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันผลักดันนโยบายด้านเทคโนโลยีให้แข็งแกร่งขึ้น รวมถึงมองหาโอกาสในการร่วมมือกับบริษัทเวียดนามในฐานะพันธมิตร ไม่ใช่แค่คู่แข่ง เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และขยายตลาดไปด้วยกัน.
อ่านข่าวอื่น ๆ :
- พบแล้ว! ร่างสายตำรวจพลีชีพ สละชีวิตช่วยจับนักค้ายา ถูกน้ำป่าซัดจมดับ
- รองนายก อบจ.อุบลฯ ทุจริตจัดซื้อรถชมวิว ศาลตัดสินจำคุก แต่รอลงอาญา! ป.ป.ช.เตรียมอุทธรณ์สู้ต่อ
- กองกำลังผสมกะเหรี่ยงคาเรนนีบุกค่ายเมียนมา ปะทะเดือด – ระเบิดบ้านเรือนประชาชน เสียชีวิตหลายราย
- รวบ 7 ผู้ต้องสงสัยชายแดนจันทบุรี! พบชาวจีน 6 คน-คนไทย 1 ราย พัวพันขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ
- เพื่อไทยโต้เดือด ปมคลิปเสียง “10 โล” ซื้อเสียงโหวตงบฯ – ยืนยันไม่จริง ท้าพรรคประชาชนเปิดชื่อพิสูจน์