Site icon

เจาะลึก “การพลิกโฉมวงการฟุตบอลไทยลีก” ฤดูกาล 2568/69

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร (Executive Summary)

การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาล 2568/69 กำลังจะเปิดฉากขึ้นภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติทางการเงินและการบริหารจัดการ รายงานฉบับนี้ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่บ่งชี้ถึงการพลิกโฉมครั้งสำคัญของวงการฟุตบอลไทย จากสถานการณ์วิกฤตความไม่แน่นอนทางการเงินในอดีต สู่ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยความมั่นคงทางการเงินและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ รายงานนี้พบว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นจากปัจจัยหลักสามประการ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของเงินสนับสนุนสโมสร, การผนึกกำลังครั้งประวัติศาสตร์ของกลุ่มพันธมิตรยักษ์ใหญ่ (AIS, GULF, JAS) ที่เข้าซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดด้วยมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์, และการดำเนินแคมเปญเชิงรุกเพื่อสร้างวัฒนธรรมการรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์

ข้อค้นพบที่สำคัญชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาสภาพคล่องเฉพาะหน้า แต่เป็นการวางรากฐานทางธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับระบบนิเวศฟุตบอลอาชีพของไทยในระยะยาว การบริหารจัดการเชิงรุกของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้การนำของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม รายงานนี้จึงได้นำเสนอข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์สำหรับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อรักษาและต่อยอดความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ต่อไป

1: การพลิกโฉมด้านการเงิน: วงจรใหม่แห่งความมั่นคงของสโมสรไทยลีก

1.1 บริบททางประวัติศาสตร์และความท้าทายทางการเงินในอดีต

ก่อนที่จะพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในฤดูกาล 2568/69 การทำความเข้าใจถึงวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ฟุตบอลไทยลีกเผชิญในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ในอดีตวงการฟุตบอลไทยเคยประสบกับความผันผวนด้านลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอย่างรุนแรง โดยมีข้อมูลว่ามูลค่าลิขสิทธิ์เคยสูงถึงหลักพันล้านบาท แต่ในช่วงฤดูกาล 2023/24 มูลค่าดังกล่าวกลับลดลงอย่างน่าใจหายจนเหลือเพียง 50 ล้านบาท สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ไทยลีก 1 ไม่สามารถหาผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดได้ ส่งผลให้สโมสรทั้ง 16 ทีมต้องรับผิดชอบในการหาสัญญาณถ่ายทอดสดด้วยตนเอง ซึ่งนำไปสู่ความไม่แน่นอนทางการเงินและการวางแผนงานที่ขาดความต่อเนื่องของแต่ละสโมสร นอกจากนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยังต้องเผชิญกับปัญหาคดีความและภาระหนี้สินในอดีต ซึ่งยิ่งบั่นทอนความน่าเชื่อถือขององค์กรในสายตาสโมสรและนักลงทุน

สถานการณ์อันเปราะบางนี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปฏิรูปโครงสร้างทางการเงินของลีกอย่างถึงราก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏในปัจจุบันเป็นคำตอบที่ชัดเจนและเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจากความไร้เสถียรภาพในอดีตไปสู่วงจรธุรกิจที่สร้างความมั่นคงในระยะยาว

1.2 โครงสร้างเงินสนับสนุนใหม่ ฤดูกาล 2568/69

ด้วยข้อตกลงลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ประกาศโครงสร้างเงินสนับสนุนสโมสรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสำหรับฤดูกาล 2568/69 โดยรายละเอียดเงินสนับสนุนสำหรับแต่ละลีกมีดังต่อไปนี้ :

การอนุมัติจ่ายเงินสนับสนุนงวดแรกคิดเป็น 25% ของยอดรวมทั้งฤดูกาล โดยมีวงเงินรวมทั้งสิ้น 78 ล้านบาท การจ่ายเงินงวดแรกนี้มีกำหนดดำเนินการให้กับสโมสรไทยลีก 1 และ 2 ก่อนเปิดฤดูกาลในวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ในขณะที่ไทยลีก 3 จะได้รับงวดแรกในช่วงต้นเดือนกันยายน การดำเนินการนี้ได้รับอนุมัติโดย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้.

การจ่ายเงินงวดแรกก่อนเปิดฤดูกาลถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างยิ่ง การดำเนินการดังกล่าวเป็นการช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินที่สโมสรเคยเผชิญหน้าในอดีตได้อย่างทันท่วงที พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความสามารถในการบริหารจัดการของสมาคมฯ ภายใต้การนำของผู้บริหารชุดใหม่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสโมสรและวงการฟุตบอลโดยรวม การได้รับเงินทุนตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นฤดูกาลจะช่วยให้สโมสรสามารถวางแผนการบริหารจัดการ ทั้งในส่วนของการจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ได้อย่างมั่นคงมากขึ้น

ตาราง: สรุปเงินสนับสนุนสโมสรไทยลีก ฤดูกาล 2568/69

ลีกจำนวนสโมสรเงินสนับสนุนต่องวดแรก (25%)ยอดรวมงวดแรกเงินสนับสนุนรวมทั้งฤดูกาลยอดรวมทั้งฤดูกาล
ไทยลีก116 ทีม3,750,000 บาท60 ล้านบาท15 ล้านบาท240 ล้านบาท
ไทยลีก218 ทีม1,000,000 บาท18 ล้านบาท4 ล้านบาท72 ล้านบาท
ไทยลีก370 ทีม.1.25 ล้านบาท86.5 ล้านบาท
รวม104 ทีม78 ล้านบาท.398.5 ล้านบาท

2: พันธมิตรยักษ์ใหญ่: การผนึกกำลังเชิงกลยุทธ์ของ AIS, GULF, และ JAS

2.1 รายละเอียดข้อตกลงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด

การพลิกโฉมทางการเงินของไทยลีกเป็นผลโดยตรงจากความสำเร็จในการเจรจาข้อตกลงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกับกลุ่มพันธมิตรยักษ์ใหญ่ โดย บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) และบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (JAS) ได้ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ในการคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกแบบ Exclusive เป็นระยะเวลา 4 ฤดูกาล ตั้งแต่ 2025/26 ถึง 2028/29 พร้อมเงื่อนไขขยายได้อีก 2 ปี.

มูลค่ารวมของข้อตกลงนี้สูงถึง 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทย มูลค่าดังกล่าวแบ่งเป็นค่าลิขสิทธิ์ให้กับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ 1,400 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการผลิตสัญญาณและถ่ายทอดสดอีกไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาทตลอด 4 ฤดูกาล. การที่พันธมิตรผู้เข้าประมูลยอมรับภาระค่าผลิตสัญญาณเอง สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังในการยกระดับมาตรฐานการถ่ายทอดสด ซึ่งต่างจากอดีตที่ปล่อยให้สโมสรต้องจัดการเอง.

การร่วมมือของบริษัทจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพลังงาน (GULF), โทรคมนาคม (AIS), และสื่อสาร/บรอดแคสต์ (JAS) บ่งชี้ว่าพันธมิตรเหล่านี้มองเห็นศักยภาพของฟุตบอลไทยในฐานะแพลตฟอร์มทางธุรกิจที่มีมูลค่าและสามารถสร้างผลตอบแทนที่นอกเหนือจากรายได้จากค่าลิขสิทธิ์เพียงอย่างเดียว

ตาราง: มูลค่าข้อตกลงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยลีก (ปี 2568/69 – 2571/72)

รายการมูลค่าตลอด 4 ฤดูกาล
มูลค่ารวมข้อตกลงทั้งหมดไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท
มูลค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด1,400 ล้านบาท (ฤดูกาลละ 350 ล้านบาท)
ค่าผลิตสัญญาณถ่ายทอดสดไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาท (ฤดูกาลละไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท)

2.2 บทบาทและยุทธศาสตร์ของพันธมิตรแต่ละราย

การร่วมมือของพันธมิตรทั้งสามรายไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนร่วมกันทางธุรกิจ แต่เป็นการแบ่งบทบาทและใช้ความเชี่ยวชาญของแต่ละองค์กรเพื่อสร้างระบบนิเวศการรับชมที่สมบูรณ์และครอบคลุม:

การร่วมมือกันของทั้งสามองค์กรจึงเป็นการผนึกกำลังที่เติมเต็มซึ่งกันและกันอย่างสมบูรณ์ GULF นำวิสัยทัศน์และการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AIS นำโครงข่ายและแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อขยายฐานผู้ชมให้ครอบคลุม และ JAS นำช่องทางฟรีทีวีเพื่อเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง ยุทธศาสตร์การเข้าถึงผู้ชมที่หลากหลายนี้เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างรายได้จากโฆษณาและสปอนเซอร์ในอนาคต

3: แคมเปญเชิงกลยุทธ์: “ดูถูก ไม่ดูเถื่อน” และการยกระดับวัฒนธรรมฟุตบอล

3.1 วัตถุประสงค์เชิงลึกและกลยุทธ์การรณรงค์

นอกเหนือจากการเข้าซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดแล้ว AIS ยังได้เปิดตัวแคมเปญเชิงรุกในชื่อ “ดูถูก ไม่ดูเถื่อน” โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรณรงค์ให้แฟนบอลรับชมฟุตบอลอย่างถูกลิขสิทธิ์. แคมเปญนี้มีเป้าหมายที่กว้างกว่าการเพิ่มรายได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการยกระดับวัฒนธรรมการเชียร์ฟุตบอลในประเทศไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และสร้างความมั่นคงในระบบนิเวศของอุตสาหกรรมคอนเทนต์กีฬา.

กลยุทธ์ของแคมเปญนี้คือการใช้พลังของอินฟลูเอนเซอร์, นักพากย์มืออาชีพ, และบุคคลสำคัญในวงการฟุตบอล เพื่อสร้างกระแสบนโซเชียลมีเดียและส่งต่อคุณค่าของการรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ แคมเปญดังกล่าวจึงไม่เพียงแต่เป็นการสื่อสารทางการตลาด แต่เป็นการสร้างความตระหนักรู้และสร้างวินัยให้กับผู้ชมให้เข้ามาอยู่ในระบบนิเวศที่พันธมิตรสร้างขึ้น

3.2 การวิเคราะห์ผลกระทบต่อโมเดลธุรกิจและพฤติกรรมผู้บริโภค

แคมเปญ “ดูถูก ไม่ดูเถื่อน” สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้าง “กำแพงป้องกัน” ให้กับโมเดลธุรกิจใหม่ โดยมีแนวคิดหลักคือการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ชมจากการรับชมช่องทางเถื่อน (piracy) ที่เคยเป็นปัญหาใหญ่ในอดีต มาเป็นการรับชมในช่องทางที่ถูกกฎหมาย การที่ AIS เปิดให้แฟนบอลทุกเครือข่ายสามารถรับชมไทยลีกได้ฟรีผ่าน AIS PLAY และทางช่องฟรีทีวี MONO29 เป็นการนำเสนอทางเลือกที่สะดวกและ “ถูก” (ในแง่ของต้นทุน) เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ถูกต้องตามกฎหมาย และหากแคมเปญนี้ประสบความสำเร็จ จะช่วยรักษาความคุ้มค่าของการลงทุนมหาศาลกว่า 2,000 ล้านบาทไว้ได้ในระยะยาว ทำให้โมเดลธุรกิจมีความยั่งยืนและสามารถเติบโตต่อไปได้

4: การวิเคราะห์เชิงลึกและผลกระทบในภาพรวมของอุตสาหกรรม

4.1 ความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์: วงจรธุรกิจใหม่ของไทยลีก

การเชื่อมโยงระหว่างรายได้จากลิขสิทธิ์และเงินสนับสนุนสโมสรได้สร้าง “วงจรแห่งคุณค่า” ขึ้นมาในวงการฟุตบอลไทย รายได้จากลิขสิทธิ์มูลค่า 2,000 ล้านบาท ทำให้สมาคมฯ มีเงินทุนที่มั่นคงในการเพิ่มเงินสนับสนุนให้กับสโมสรในทุกระดับลีก. เงินทุนที่เพิ่มขึ้นนี้คาดว่าจะช่วยให้สโมสรมีความสามารถในการลงทุนในผู้เล่นที่มีมูลค่าสูงขึ้น , พัฒนาโค้ช, และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของสโมสรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น. การลงทุนเหล่านี้จะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพการแข่งขันให้สูงขึ้นและน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งจะดึงดูดให้แฟนบอลเข้าสู่สนามและรับชมการถ่ายทอดสดมากขึ้น. จำนวนผู้ชมที่เพิ่มขึ้นจะสร้างรายได้ในรูปแบบอื่น เช่น ตั๋วเข้าชม ของที่ระลึก และเพิ่มมูลค่าลิขสิทธิ์ในฤดูกาลต่อๆ ไป วงจรนี้จึงแตกต่างจาก “วงจรแห่งปัญหา” ที่วงการฟุตบอลไทยเคยเผชิญในอดีต.

4.2 บทบาทของ “มาดามแป้ง” และการบริหารยุคใหม่ของสมาคม

บทบาทของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถูกกล่าวถึงอย่างสม่ำเสมอในฐานะผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้. เธอเป็นผู้อนุมัติการจ่ายเงินสนับสนุน และยืนยันการเพิ่มเงินสนับสนุนสโมสร การที่แหล่งข้อมูลต่างๆ ชี้ไปที่ “มาดามแป้ง” ในฐานะผู้มีอำนาจในการตัดสินใจและผู้ให้คำมั่น แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ที่มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว การเจรจาดีลพันธมิตรขนาดใหญ่ และการดำเนินการจ่ายเงินอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นและกล้าตัดสินใจเพื่อพลิกฟื้นวงการฟุตบอลไทยให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

4.3 ข้อเปรียบเทียบกับลีกต่างประเทศ

การพัฒนาของไทยลีกในยุคใหม่นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องเงินทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการยกระดับมาตรฐานทางเทคนิคให้ทัดเทียมกับลีกชั้นนำระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ GULF มีเป้าหมายที่จะทำงานร่วมกับสมาคมฟุตบอลอังกฤษเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านโค้ชและผู้ตัดสิน. นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในระบบการตัดสินอย่าง VAR (Video Assistant Referee) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำแนวทางปฏิบัติจากลีกชั้นนำมาปรับใช้ การมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรควบคู่ไปกับการสนับสนุนทางการเงินจึงเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาในครั้งนี้มีเป้าหมายที่ยั่งยืนและครอบคลุมทุกมิติ

“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ

บทสรุปและข้อเสนอแนะ (Conclusion and Recommendations)

การวิเคราะห์ที่ผ่านมาบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าฟุตบอลไทยลีกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ความสำเร็จนี้เกิดจากการประสานงานอย่างเป็นระบบระหว่างปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่ การบริหารจัดการที่โปร่งใสและเด็ดขาดของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ, การสนับสนุนทางการเงินที่มั่นคงและมีมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์จากกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ, และกลยุทธ์ทางการตลาดที่ครอบคลุมและมุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมการรับชมที่ถูกต้องตามกฎหมาย

จากข้อค้นพบนี้ จึงมีข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์ดังต่อไปนี้:

อ่านข่าวอื่น ๆ :

Exit mobile version