Site icon

อย่าใช้โศกนาฏกรรมสร้างความเกลียดชัง : บทเรียนสำคัญจากทั่วโลก

เลิกหาประโยชน์ส่วนตน จากความสูญเสีย ด้วยการสร้างความเกลียดชัง บนพื้นฐานที่ไม่เป็นจริง

ในโลกยุคข้อมูลข่าวสาร ความสูญเสียไม่เพียงแต่เป็นโศกนาฏกรรมส่วนบุคคล แต่ยังกลายเป็น “เชื้อไฟ” ที่บางฝ่ายนำมาใช้สร้างกระแส เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองหรือส่วนตัว ปรากฏการณ์นี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในไทยและต่างประเทศ

ตัวอย่างในต่างประเทศ

กรณีคลาสสิกคือการเมืองสหรัฐฯ หลังเหตุการณ์ 9/11 ปี 2001 เมื่อการก่อการร้ายถูกใช้เป็นเหตุผลผลักดัน “สงครามอิรัก” แม้ในเวลาต่อมาจะปรากฏชัดว่า หลักฐานเรื่องอาวุธทำลายล้างสูง (WMD) เป็นข้อมูลที่ไม่มีมูล แต่ในเวลานั้น ความกลัวและความโกรธถูกใช้เป็นเครื่องมือผลักดันนโยบาย จนเกิดสงครามที่คร่าชีวิตผู้คนนับแสน และสร้างความแตกแยกในสังคมสหรัฐฯ มาจนถึงทุกวันนี้

ภาพจำลองจาก AI

กรณีในภูมิภาคเอเชีย

ในบางประเทศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เหตุความขัดแย้งชายแดนถูกขยายและตีความเกินจริง เพื่อสร้างภาพอีกฝ่ายเป็น “ศัตรู” สืบเนื่องไปถึงการปลุกกระแสชาตินิยมสุดโต่ง จนส่งผลให้เศรษฐกิจชายแดนหยุดชะงัก การค้าร่วมพังทลาย และประชาชนสองฝั่งต้องอยู่ในบรรยากาศแห่งความหวาดระแวง

ตัวอย่างในสังคมไทย

ประเทศไทยเองก็ไม่รอดพ้นจากวงจรนี้ ในหลายเหตุการณ์ด้านความมั่นคงหรือการเมือง ความสูญเสียของประชาชนถูกหยิบไปใช้เป็นเครื่องมือโจมตีคู่แข่ง บางครั้งมีการตัดต่อคลิป เลือกใช้ภาพบางมุม หรืออ้างพยานเพียงฝั่งเดียว เพื่อสร้าง “เรื่องเล่า” ที่ตอกย้ำความเกลียดชัง ผลลัพธ์คือความขัดแยกที่ฝังลึก และทำให้การหาทางออกอย่างมีเหตุผลแทบเป็นไปไม่ได้

บทเรียนที่ควรจำ

ไม่ว่าที่ไหนในโลก การใช้โศกนาฏกรรมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ล้วนทิ้งรอยแผลให้สังคมยาวนานกว่าที่คาด บางครั้งรอยแผลนั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขความสูญเสีย แต่ฝังอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ในความไม่ไว้ใจกัน และในระบบการเมืองที่ขาดความโปร่งใส

ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องเลือก – จะเดินตามเส้นทางของความเกลียดชังที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานที่ไม่เป็นจริง หรือจะหยุดวงจรนี้ แล้วใช้ความจริงเป็นฐานของการแก้ปัญหา เพื่อปกป้องทั้งความมั่นคงและความเป็นหนึ่งเดียวของชาติ.

ซื้อประกันอุบัติเหตุกับ insurverse

อ่านข่าวอื่น ๆ :

Exit mobile version