Site icon

ผลดี-ผลเสีย หากมีการต่ออายุราชการ ของ “แม่ทัพภาคที่ 2”

เป็นประเด็นสังคมที่เติบโตเร็วมาก หลังจากที่ “นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” ได้หยิบยกประเด็นการต่ออายุราชการของ (บิ๊กกุ้ง) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบันที่กำลังนำทัพสู้ศึกชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน คือกัมพูชา โดยระบุว่า “ไม่ควรเปลี่ยนม้ากลางศึก ขอเรียกร้องให้ “ต่ออายุราชการ” ท่านแม่ทัพภาคที่ 2 ใครเห็นด้วยช่วยแสดงพลังกดไลค์และแชร์ถึงความต้องการนี้ด่วน” ข้อความนี้ถูกโพสต์เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 11 ส.ค.2568 ซึ่งผ่านไปเพียง 7 ชั่วโมง มีคนมาแชร์โพสต์มากกว่า 1 หมื่นครั้ง และแสดงความเห็นมากกว่า 1.9 หมื่นครั้ง ส่วนใหญ่บอกว่า “เห็นด้วย”

หากจะต่ออายุราชการ ของไทย สามารถทำได้หรือไม่?

ตามกฎหมายประเทศไทย สามารถต่ออายุราชการ สำหรับข้าราชการที่กำลังจะเกษียณอายุได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนและต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้โดยเฉพาะ

หลักการโดยทั่วไป

ตัวอย่างของข้าราชการที่สามารถต่ออายุราชการได้

ขั้นตอนการดำเนินการ

กล่าวโดย การต่ออายุราชการเป็นข้อยกเว้นที่ทำได้ภายใต้หลักเกณฑ์ที่เคร่งครัด เพื่อรักษาบุคลากรที่มีความสามารถและความเชี่ยวชาญสูงไว้ในระบบราชการ ไม่ใช่สิทธิที่ข้าราชการทุกคนจะได้รับโดยอัตโนมัติ

ข้าราชการทหาร สามารถตอ่อายุราชการได้หรือไม่?

ใช่ครับ ข้าราชการทหารสามารถต่ออายุราชการได้ แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้โดยเฉพาะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการต่ออายุราชการของข้าราชการทหารจะมีความเข้มงวดและมีเงื่อนไขที่เฉพาะเจาะจงมากกว่าข้าราชการพลเรือน

หลักการโดยทั่วไปสำหรับการต่ออายุราชการทหาร

ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการต่ออายุราชการทหาร

การต่ออายุราชการของข้าราชการทหารนั้น เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง แต่จะกระทำได้เฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อกองทัพและประเทศชาติ โดยต้องผ่านกระบวนการพิจารณาที่เข้มข้นและอาจต้องผ่านการอนุมัติจากระดับนโยบายสูงสุดของรัฐบาล

กองทัพไทย เคยต่ออายุราชการให้กับคนไหนหรือไม่?

จากข้อมูลที่มีอยู่ สามารถสรุปประวัติการต่ออายุราชการของนายทหารระดับสูงในกองทัพไทยได้ ดังนี้

ยุคก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516

ยุคหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516

พ.ศ. 2514 “จอมพลถนอม กิตติขจร” ทำการรัฐประหารตัวเอง และต่ออายุราชการของตัวเองเมื่อครบกำหนดเกษียณอายุ 60 ปี

สถานการณ์ปัจจุบัน

การต่ออายุราชการของผู้บัญชาการเหล่าทัพหรือนายทหารระดับสูงในยุคหลังนี้ กลายเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและถูกจับตามองจากสังคมอย่างใกล้ชิด โดยมีการยกเหตุการณ์ในอดีตมาเป็นบทเรียนว่าการต่ออายุราชการมักจะนำไปสู่วิกฤตทางการเมืองได้

ดังนั้น ถึงแม้ในระยะหลังจะไม่มีการต่ออายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพอย่างเป็นทางการเหมือนในอดีต แต่ก็ยังมีกระแสข่าวลือและการพูดถึงความเป็นไปได้อยู่เป็นระยะ โดยผู้ที่เกี่ยวข้องมักจะออกมาปฏิเสธข่าวหรือชี้แจงว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามระเบียบที่กำหนด

การต่ออายุราชการจึงถือเป็นประเด็นที่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจทางการเมืองและอำนาจของกองทัพในแต่ละยุคสมัยของประเทศไทยได้อย่างชัดเจน

ใคร? มีโอกาสขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 2 แทนบิ๊กกุ้ง บ้าง

ในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญในกองทัพ โดยเฉพาะตำแหน่งแม่ทัพภาค จะมีการพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งอาวุโส ผลงาน และความเหมาะสม ซึ่งมักจะมีการวิเคราะห์และคาดการณ์จากสื่อมวลชนสายทหารและผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงอยู่เสมอ

สำหรับตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ มีผู้ที่มีโอกาสจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนหลายท่าน ซึ่งเป็นนายทหารระดับรองแม่ทัพภาค 2 ในปัจจุบัน โดยรายชื่อที่ถูกจับตามองมากที่สุด ได้แก่

การแต่งตั้งจะมีการพิจารณาอย่างละเอียดในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน เพื่อให้ทันกับการเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ ซึ่งต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูงต่อไป

หากย้อนกลับไปดูประวัติของแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย 10 คนล่าสุด ส่วนใหญ่ดำรงตำแหน่งอะไรมาก่อนเข้ารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2

หากพิจารณาจากประวัติการรับราชการของแม่ทัพภาคที่ 2 ย้อนหลัง 10 คนล่าสุด จะพบว่ามีเส้นทางการเติบโตที่คล้ายคลึงกันและเป็นไปตามลำดับชั้นบังคับบัญชา ซึ่งมักจะผ่านตำแหน่งสำคัญในกองทัพภาคที่ 2 มาก่อนเข้ารับตำแหน่งสูงสุด

จากข้อมูลที่มีอยู่ สามารถสรุปตำแหน่งหลักๆ ที่ผู้ที่ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 เคยดำรงตำแหน่งมาก่อนได้ดังนี้:

ตัวอย่าง:

หากจะเปรียบเทียบข้อมูลการรับราชการของ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ทั้ง 3 คน ในปัจจุบันนี้ ใครเคยดำรงตำแหน่ง ผบ.พล.ร.3 หรือ ผบ.พล.ร.6 มาบ้าง

จากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันของรองแม่ทัพภาคที่ 2 ทั้ง 3 ท่าน สามารถสรุปประวัติการดำรงตำแหน่ง ผบ.พล.ร.3 หรือ ผบ.พล.ร.6 ได้ดังนี้

ในเรื่องของประวัติการรบอย่างเป็นทางการของนายทหารระดับสูงนั้น ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะจะค่อนข้างจำกัดและมักจะอยู่ในรูปแบบของการให้สัมภาษณ์หรือบทความข่าวที่ไม่ได้ระบุรายละเอียดอย่างเป็นทางการ แต่สามารถสรุปจากข้อมูลที่เผยแพร่ในสื่อต่างๆ ได้ดังนี้

1. พล.ต. วีระยุทธ รักศิลป์

พล.ต. วีระยุทธ รักศิลป์

2. พล.ต. นรธิป โพยนอก

พล.ต. นรธิป โพยนอก

3. พล.ต. ณัฏฐ์ ศรีอินทร์

พล.ต. ณัฏฐ์ ศรีอินทร์

สรุป แม้ว่าทั้งสามท่านจะมีประสบการณ์การทำงานในพื้นที่ชายแดนที่สำคัญ แต่จากข้อมูลที่เปิดเผยสู่สาธารณะ พล.ต. ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่มีประวัติการรบและประสบการณ์เชิงปฏิบัติการในพื้นที่ชายแดนอย่างชัดเจนที่สุดและได้รับการขนานนามว่าเป็น “นักรบ” จากสื่อต่างๆ ส่วนอีกสองท่านก็ถือว่ามีประสบการณ์ในฐานะผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบพื้นที่ยุทธศาสตร์อย่างยาวนานเช่นกัน

หากจะเปลี่ยนม้ากลางศึก รองแม่ทัพภาคที่ 2 ทั้ง 3 คนนี้ จะทดแทน “บิ๊กกุ้ง” ได้หรือไม่?

ถือว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและเกี่ยวข้องกับอำนาจการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชาระดับสูง รวมถึงปัจจัยด้านความมั่นคงและสถานการณ์การเมือง การวิเคราะห์ความสามารถของนายทหารแต่ละท่านเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยข้อมูลเชิงลึกและการประเมินผลงานที่รอบด้าน

การวิเคราะห์ตามหลักการของกองทัพ

ในกองทัพไทย การจะได้รับตำแหน่งแม่ทัพภาคนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการพิจารณาหลายองค์ประกอบ ดังนี้

  1. อาวุโสและเส้นทางการรับราชการ: ผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคจะต้องมีประสบการณ์และผ่านตำแหน่งสำคัญต่างๆ มาอย่างครบถ้วน ซึ่งรวมถึงการเป็นผู้บังคับบัญชาในระดับกองพล (ผบ.พล.) และรองแม่ทัพภาค ซึ่งทั้ง 3 ท่าน (พล.ต. วีระยุทธ รักศิลป์, พล.ต. นรธิป โพยนอก, และ พล.ต. ณัฏฐ์ ศรีอินทร์) ต่างก็เคยผ่านตำแหน่งสำคัญเหล่านี้มาแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความพร้อมที่จะรับตำแหน่งแม่ทัพภาค
  2. ความเชี่ยวชาญด้านการรบและการดูแลชายแดน: กองทัพภาคที่ 2 มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความตึงเครียดสูง ดังนั้น แม่ทัพภาคและผู้บังคับบัญชาทุกคนจะต้องมีประสบการณ์และความสามารถในการบริหารจัดการสถานการณ์ชายแดน ซึ่งรองแม่ทัพภาคที่ 2 ทั้ง 3 ท่านนี้ ต่างก็มีประสบการณ์การทำงานในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในฐานะ ผบ.พล.ร.3 หรือ ผบ.พล.ร.6 ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการดูแลพื้นที่ชายแดน จึงอาจกล่าวได้ว่ามีความรู้ความสามารถในระดับที่เทียบเคียงได้กับแม่ทัพภาค
  3. การตัดสินใจของผู้บังคับบัญชาระดับสูง: การแต่งตั้งแม่ทัพภาคเป็นอำนาจของผู้บัญชาการทหารบกและคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูง การตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถด้านการรบเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา และปัจจัยทางการเมืองในขณะนั้นด้วย

ตามหลักการของกองทัพและเส้นทางการเติบโตของนายทหาร รองแม่ทัพภาคที่ 2 ทั้ง 3 ท่านนี้ ถือว่ามีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่พร้อมจะขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ เนื่องจากผ่านตำแหน่งสำคัญที่เป็นฐานสำหรับการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนี้มาแล้ว การจะแต่งตั้งท่านใดนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่ใช่เรื่องของความสามารถทางการรบเพียงอย่างเดียว

หากจะมีการต่ออายุราชการ ของแม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบันนี้ต่อไปอีก จะกระทบกับตำหน่งหน้าที่ของ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ทั้ง 3 คน

ประเด็นการต่ออายุราชการของแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นเรื่องที่มีผลกระทบอย่างมากต่อโครงสร้างและระบบการแต่งตั้งโยกย้ายในกองทัพ ซึ่งหากมีการต่ออายุจริง จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อตำแหน่งของรองแม่ทัพภาคที่ 2 ทั้งสามคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผลกระทบต่อตำแหน่งของรองแม่ทัพภาคที่ 2

หากมีการต่ออายุราชการของแม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบัน (พลโท บุญสิน พาดกลาง) จะส่งผลกระทบต่อรองแม่ทัพภาคที่ 2 ทั้งสามคน ได้แก่ พล.ต. วีระยุทธ รักศิลป์, พล.ต. นรธิป โพยนอก, และ พล.ต. ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ ในประเด็นดังต่อไปนี้:

เหตุผลทางกฎหมายและระเบียบ

การต่ออายุราชการของผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพนั้นไม่ใช่เรื่องต้องห้ามตามกฎหมาย แต่เป็นไปตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เคร่งครัด โดยจะพิจารณาจากความจำเป็นของทางราชการและคุณสมบัติเฉพาะตัวของผู้ที่จะต่ออายุราชการ

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีการให้ความสำคัญกับหลักการ “กองทัพอาชีพ” และการบริหารจัดการบุคลากรตามระบบมากขึ้น ทำให้การต่ออายุราชการของนายทหารชั้นนายพลกลายเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อระบบและขวัญกำลังใจของนายทหารคนอื่น ๆ ที่รอโอกาสเติบโตตามลำดับ

โดยสรุป การต่ออายุราชการของแม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบันจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรองแม่ทัพภาคที่ 2 ทั้งสามคน ทำให้การขึ้นสู่ตำแหน่งแม่ทัพภาคของพวกเขาถูกเลื่อนออกไปหรืออาจหมดโอกาสไปในที่สุด ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความจำเป็นในการรักษาผู้เชี่ยวชาญไว้กับผลกระทบต่อระบบการบริหารงานบุคคลและขวัญกำลังใจของกำลังพลในภาพรวม.

อ่านข่าวอื่น ๆ :

Exit mobile version